พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5770/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าหลายกรรม: การพิจารณาความประสงค์โจทก์ในการลงโทษและจำนวนกระทงความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายบทหลายกระทงต่างกรรมกัน แล้วบรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานพยายามฆ่าว่าจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนพกยิงประทุษร้าย ส.และท. หลายนัดโดยมีเจตนาฆ่าบุคคลทั้งสองและคำขอท้ายคำฟ้องระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,80,288 ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยในการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 2 คนเป็นความผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5770/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าหลายกรรมต่างวาระ ศาลพิจารณาการบรรยายฟ้องและเจตนาของโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายบทหลายกระทงต่างกรรมกัน แล้วบรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานพยายามฆ่าว่าจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนพกยิงประทุษร้าย ส. และ ท. หลายนัดโดยมีเจตนาฆ่าบุคคลทั้งสองและคำขอท้ายคำฟ้องระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 80, 288 ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยในการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 2 คนเป็นความผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาคดีกัญชา: ลงโทษตามฟ้อง แม้ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ผิดพลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดที่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง เมื่อมีอุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมา และศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณา ว่า เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่ ถ้าเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ตรงตามความจริงเพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย
ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษผิดกระทง ศาลฎีกาแก้ไขให้ตรงตามฟ้องและลงโทษกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดที่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง เมื่อมีอุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมา และศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณา ว่า เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่ ถ้าเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ตรงตามความจริงเพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5503/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และแก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 6 เดือนและจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานฉ้อโกงด้วยรวม 38 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ในความผิดฐานฉ้อโกงเป็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานนี้ รวม 34 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน ส่วนความผิดที่เหลือ 4 กระทงวินิจฉัยว่าเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นลงโทษไปแล้ว เช่นนี้ เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในความผิดฐานนี้ มีกำหนด 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 สำหรับความผิด ฐานฉ้อโกง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียง 4 กระทง ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนความผิดที่เหลือ 34 กระทง ศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษายืนและลงโทษจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5503/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.พ.พ. กรณีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนหรือแก้ไขเล็กน้อยในความผิดเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 3จำคุก 6 เดือนและจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานฉ้อโกงด้วยรวม 38 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ในความผิดฐานฉ้อโกงเป็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานนี้ รวม 34 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน ส่วนความผิดที่เหลือ 4 กระทงวินิจฉัยว่าเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นลงโทษไปแล้ว เช่นนี้ เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานปลอมและใช้ เอกสารปลอมและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในความผิดฐานนี้ มีกำหนด 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 สำหรับความผิด ฐานฉ้อโกง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียง 4 กระทง ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนความผิดที่เหลือ 34 กระทง ศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษายืนและ ลงโทษจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายฉบับ หากผู้ใช้เป็นผู้ปลอมเอง ต้องลงโทษตามแต่ละฉบับ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายฉบับ แม้ปลอมครั้งเดียวแต่ใช้แยกรายฉบับ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม 7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมหลายฉบับในคราวเดียวกัน ต้องลงโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5048/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้โฉนดที่ดินปลอมหลอกลวงเพื่อกู้ยืมเงิน ถือเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยทั้งสองกับพวกนำโฉนด ที่ดินซึ่งทำปลอมขึ้นไปใช้แสดงหลอกลวงผู้เสียหายจนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน300,000 บาท และรับเอาโฉนด ที่ดินปลอมดังกล่าวไว้เป็นประกัน ดังนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมประกอบในการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย เมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกระทำการดังกล่าวในวาระเดียวกัน จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90.