พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโกงเจ้าหนี้โดยการโอนทรัพย์สินหลายครั้ง แม้มีเจตนาเดียว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทงจำคุกกระทงละ1ปีรวมจำคุกคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียวจำคุกคนละ1ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. จำเลยโอนที่ดินทั้ง3แปลงตามฟ้องรวม3ครั้งด้วยกันแม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่1ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้นก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้งการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันมิใช่กรรมเดียว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โกงเจ้าหนี้: การโอนทรัพย์สินหลายครั้งถือเป็นความผิดหลายกรรม แม้มีเจตนาเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียว จำคุกคนละ 1 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยโอนที่ดินทั้ง 3 แปลงตามฟ้องรวม 3 ครั้งด้วยกัน แม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้น ก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว
จำเลยโอนที่ดินทั้ง 3 แปลงตามฟ้องรวม 3 ครั้งด้วยกัน แม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้น ก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม แม้ผู้กระทำผิดเป็นผู้ปลอมเอง ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมได้ 2 กระทง หากเอกสารแต่ละฉบับเป็นคนละประเภท
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา268วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียวนั้นหมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียวเฉพาะแต่ละกระทงที่ปลอม. การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265กระทงหนึ่งและจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265อีกกระทงหนึ่งนั้นแม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกันแต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกันจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว2กระทง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายกระทง ผู้กระทำผิดเป็นทั้งผู้ปลอมและผู้ใช้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสองที่บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียวนั้น หมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น ก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียวเฉพาะแต่ละกระทงที่ปลอม
การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 กระทงหนึ่ง และจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 อีกกระทงหนึ่งนั้น แม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกัน จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว 2 กระทง
การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 กระทงหนึ่ง และจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 อีกกระทงหนึ่งนั้น แม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกัน จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียว vs. หลายกรรม: ปลอมเอกสารราชการในคราวเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยรวม3กระทงๆละ2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำผิดเพียงกรรมเดียวจำคุก2ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา218 การที่เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนให้สายลับไปจับหนังสือเดินทางปลอมมาให้ในคราวเดียวกันและหนังสือเดินทางทั้งสามฉบับกระทำขึ้นในคราวเดียวกันนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียว vs. หลายกรรม: ปลอมแปลงเอกสารในคราวเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยรวม3กระทงๆละ2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำผิดเพียงกรรมเดียวจำคุก2ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 การที่เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนให้สายลับไปจับหนังสือเดินทางปลอมมาให้ในคราวเดียวกันและหนังสือเดินทางทั้งสามฉบับกระทำขึ้นในคราวเดียวกันนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การประมาทขับรถทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การประมาทขับรถ ชนผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตาย อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนี้เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในข้อหากระทำอนาจารซึ่งจำเลยถูกฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้ จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์ โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับ และแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเรา ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้ จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้ จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์ โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับ และแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเรา ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้ จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท-ระงับคดี: การกระทำอนาจารถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องคดีบุกรุกซ้ำซ้อน
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังนี้เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในข้อหากระทำอนาจารซึ่งจำเลยถูกฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4) ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับและแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเราศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกันซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4).