คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 90

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วาจำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้าย ร่างกายผู้เสียหายแล้ว การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานฉ้อโกงแม้ไม่ได้ร้องทุกข์โดยตรง หากผลสอบสวนเชื่อมโยงกับการกระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนา
การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วย ถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้วการสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องฉ้อโกงหลังร้องทุกข์ออกเช็คเด้ง – กรรมเดียวฟ้องได้
การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วย ถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้ว การสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้รถผิดประเภทกับการแย่งผลประโยชน์การขนส่งทางบก ถือเป็นความผิดต่างกรรมกัน
จำเลยที่ 1 ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้รถผิดประเภท โดยใช้รถยนต์ซึ่งจดทะเบียนประเภทรถโดยสารไม่ประจำทางมา รับจ้างขนส่งคนโดยสาร โดยเก็บค่าโดยสารเป็นรายคน อันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับ ผู้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง และมีลักษณะเป็นการ แย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน คือผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 27 วรรคสาม 128 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 40, 138 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: หน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์เป็นคนละกรรม
การที่จำเลยที่ 1 กับพวกเอาตัวผู้เสียหายไปหน่วงเหนี่ยวไว้ในห้องพักโรงแรม ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นความผิดสำเร็จกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจผู้เสียหาย จนกระทั่งผู้เสียหายยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นความผิดฐานกรรโชกอีกกรรมหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์เป็นกรรมต่างกัน ศาลลงโทษได้
การที่จำเลยที่ 1 กับพวกเอาตัวผู้เสียหายไปหน่วงเหนี่ยวไว้ในห้องพักโรงแรม ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นความผิดสำเร็จกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจผู้เสียหายจนกระทั่งผู้เสียหายยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 1 กับพวก เป็นความผิดฐานกรรโชกอีกกรรมหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวกัน – ยาเสพติด – รอการลงโทษ – ดุลพินิจศาล
คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยในการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าฟ้องโจทก์เฉพาะ กระทงความผิดฐานผลิตกัญชาหรือปลูกต้นกัญชาและกระทงความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาที่ปลูกไว้ดังกล่าวนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องอ้างว่าการกระทำผิดสองฐานนี้เป็นความผิดต่างกระทงต่างกรรมกันจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลล่างลงโทษมาเป็นสองกรรมก็ตาม แต่ความผิดทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้และเมื่อได้ยกปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยแล้ว แม้จำเลยจะฎีกาขึ้นมาเพียงขอให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและต้องห้าม ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงรวมข้อดุลพินิจในการกำหนดโทษต่อไปได้ด้วย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่9/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวกัน – กัญชา, การรอการลงโทษ – ดุลพินิจศาล, ฎีกาต้องห้าม
คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยในการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าฟ้องโจทก์เฉพาะ กระทงความผิดฐานผลิตกัญชาหรือปลูกต้นกัญชาและกระทงความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาที่ปลูกไว้ดังกล่าวนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องอ้างว่าการกระทำผิดสองฐานนี้เป็นความผิดต่างกระทงต่างกรรมกันจำเลยให้การรับสารภาพและศาลล่างลงโทษมาเป็นสองกรรมก็ตาม แต่ความผิดทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้และเมื่อได้ยกปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิฉัยแล้ว แม้จำเลยจะฎีกาขึ้นมาเพียงขอให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและต้องห้าม ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงรวมข้อดุลพินิจในการกำหนดโทษต่อไปได้ด้วย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการบุกรุกเพื่อทำร้าย ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวและกรรมหลังตามบทกฎหมาย
จำเลยทั้งสามทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันตามฟ้องข้อ ก.เสร็จสิ้นแล้ว เป็นความผิดกรรมแรก ต่อมาจำเลยที่ 3 ถือชะแลงเหล็กเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และการทำร้ายซึ่งกันและกันของจำเลยทั้งสามตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งเป็นกรรมหลัง ซึ่งในกรรมหลังนี้ การบุกรุกของจำเลยที่ 3 ก็โดยมีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายและได้ทำร้ายจำเลยที่ 1 การกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 3 รับอันตรายสาหัสตามฟ้องข้อ ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาต่างกันในการยิง และผลกระทบของ พ.ร.บ. ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
จำเลยและ ป. โกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส. เพื่อนของจำเลยตายจึง ถือปืนไปถามหา ม. ต่อ พ. และ ย. โดยมิได้มีเจตนาจะฆ่าพ. และ ย. มาก่อนเลย ครั้นไม่พบ ม. จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิง พ.ส่วน ป. ยิงและไล่ตามยิง ย. ต่อมาอีกเล็กน้อยเมื่อ ป. ยิง ย.ขณะที่จำเลยอยู่ด้วย จำเลยก็มิได้ยิง ย. ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ.และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ จำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป.ฆ่า ย. จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ย. อีกกระทงหนึ่ง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 ประกาศใช้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2526 ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ฯลฯ โดยถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิดซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และพ้นโทษคดีก่อนก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
of 173