พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย และบุกรุก: การพิจารณาความผิดกรรมเดียว
จำเลยกับพวกเข้าไปในบ้านของ ย. แล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่า ย. แต่กระสุนปืนไม่ลั่น จำเลยกับพวกจึงร่วมกันทำร้าย ย.และ ล.บุตรสาวของ ย. ได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365, 288, 80, 83 กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา ความผิดอันยอมความได้ สิทธิในการฟ้องระงับ
ในคดีความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าได้ทำสัญญาประนีประนอม โดยได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลย จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยทั้งหมด และจำเลยทั้งสี่กับผู้เสียหายได้ลงชื่อไว้ในท้ายรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นแสดงว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้ และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้ และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา: ผลกระทบต่อการฟ้องคดี และการพิจารณาความผิดหลายบท
ในคดีความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าได้ทำสัญญาประนีประนอม โดยได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลย จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยทั้งหมด และจำเลยทั้งสี่กับผู้เสียหายได้ลงชื่อไว้ในท้ายรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น แสดงว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีและจำหน่ายอาวุธปืนเพื่อการค้าเป็นกรรมเดียว
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 24 เป็นบทบัญญัติความผิดสำหรับผู้ที่มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยเฉพาะอันมีอัตราโทษหนักกว่าผู้ที่กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่เพื่อการค้าเมื่ออาวุธปืนที่จำเลยมีและจำหน่ายสำหรับการค้านี้เป็นปืนจำนวนเดียวกัน และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธปืนอื่นอีกจึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้
การมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 24 เป็นกรรมในบทมาตราเดียวกัน การที่จำเลยจะจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าได้ จำเลยย่อมจะต้องมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครองอยู่ก่อนเมื่อจำเลยมีอาวุธปืนสำหรับการค้าและจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวไปทั้งหมดแล้ว ก็ไม่มีอาวุธปืนสำหรับการค้าเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยอีก ดังนั้นการที่จำเลยมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าจึงเป็นความผิดต่อเนื่องกรรมเดียว จำเลยจึงมีความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าเพียงกรรมเดียว
การมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 24 เป็นกรรมในบทมาตราเดียวกัน การที่จำเลยจะจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าได้ จำเลยย่อมจะต้องมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครองอยู่ก่อนเมื่อจำเลยมีอาวุธปืนสำหรับการค้าและจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวไปทั้งหมดแล้ว ก็ไม่มีอาวุธปืนสำหรับการค้าเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยอีก ดังนั้นการที่จำเลยมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าจึงเป็นความผิดต่อเนื่องกรรมเดียว จำเลยจึงมีความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าเพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีและจำหน่ายอาวุธปืนเพื่อการค้าเป็นกรรมเดียวต่อเนื่อง ไม่แยกกระทง
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 24 เป็นบทบัญญัติความผิดสำหรับผู้ที่มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยเฉพาะอันมีอัตราโทษหนักกว่าผู้ที่กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนทั่วไปซึ่งไม่ใช่เพื่อการค้าเมื่ออาวุธปืนที่จำเลยมีและจำหน่ายสำหรับการค้านี้เป็นปืนจำนวนเดียวกันและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธปืนอื่นอีกจึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้
การมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 24 เป็นกรรมในบทมาตราเดียวกัน การที่จำเลยจะจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าได้ จำเลยย่อมจะต้องมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครองอยู่ก่อนเมื่อจำเลยมีอาวุธปืนสำหรับการค้าและจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวไปทั้งหมดแล้ว ก็ไม่มีอาวุธปืนสำหรับการค้าเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยอีก ดังนั้นการที่จำเลยมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าจึงเป็นความผิดต่อเนื่องกรรมเดียว จำเลยจึงมีความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าเพียงกรรมเดียว
การมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 24 เป็นกรรมในบทมาตราเดียวกัน การที่จำเลยจะจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าได้ จำเลยย่อมจะต้องมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครองอยู่ก่อนเมื่อจำเลยมีอาวุธปืนสำหรับการค้าและจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวไปทั้งหมดแล้ว ก็ไม่มีอาวุธปืนสำหรับการค้าเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยอีก ดังนั้นการที่จำเลยมีและจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าจึงเป็นความผิดต่อเนื่องกรรมเดียว จำเลยจึงมีความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าเพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดหลายบท: การกระทำต่อเนื่องโดยมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยเข้าไปจับนมผู้เสียหายขณะกำลังนอนอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน จำเลยวิ่งตามเข้าไปกอดจับนมผู้เสียหายในบ้านอีก การกระทำผิดของจำเลยตอนแรกกับตอนหลังเป็นการกระทำต่อเนื่องยังมิได้ขาดตอนกัน และเจตนาของจำเลยก็เพื่อกอดจับนมผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดหลายบท: การกระทำต่อเนื่องเพื่อประสงค์เดียวกัน
จำเลยเข้าไปจับนมผู้เสียหายขณะกำลังนอนอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน จำเลยวิ่งตามเข้าไปกอดจับนมผู้เสียหายในบ้านอีก การกระทำผิดของจำเลยตอนแรกกับตอนหลังเป็นการกระทำต่อเนื่องยังมิได้ขาดตอนกันและเจตนาของจำเลยก็เพื่อกอดจับนมผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ใช้เอกสารปลอมขอแลกเงิน ธ.กรุงเทพ ต้องใช้บทหนัก
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยนำหนังสือเดินทางปลอมและเช็คเดินทางปลอมไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชเทวีในคราวเดียวกัน เพื่อขอแลกเงินตามเช็คเดินทางปลอมนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ใช้เอกสารปลอม ขอแลกเงินธนาคาร ต้องลงโทษบทหนักสุด
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยนำหนังสือเดินทางปลอมและเช็คเดินทางปลอมไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาราชเทวีในคราวเดียวกัน เพื่อขอแลกเงินตามเช็คเดินทางปลอมนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกความผิดฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่น แม้มีครอบครองในวาระเดียวกัน ถือเป็นคนละกรรม
เดิมกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับการมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในมาตราเดียวกัน ต่อมาได้มีการแก้ไขโดยบัญญัติแยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด จึงเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกการมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้เป็นคนละความผิดกัน ฉะนั้น แม้จำเลยจะมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในความครอบครองในวาระเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน