คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 90

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเลือกตั้ง: ใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งโดยเจตนาทุจริตและขาดความเคารพต่อกฎหมาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิ จำเลยกระทำการทั้งหลายต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาประการเดียวที่จะให้ทางราชการหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน และให้ทางราชการรับสมัครจำเลยเป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรเท่านั้น จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และเห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้ที่ไม่เคารพหรือหวั่นเกรงต่อกฎเกณฑ์กติกาใดๆ ของบ้านเมืองเลย เป็นพฤติการณ์ที่ไม่สมควรจะรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการฟ้องร้องคดีอาญาของบริษัท และความผิดฐานปลอมเอกสาร ยักยอกทรัพย์
เมื่อ อ. เป็นผู้จัดการของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมเป็นผู้เสียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4),5(3) ในอันที่จะดำเนินการร้องทุกข์หรือฟ้องร้องคดีอาญาด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำแทนได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 890/2503)
สำเนาใบเบิกพัสดุที่เป็นเอกสารคู่ฉบับที่ผู้ขอเบิกพัสดุนำมาขอเบิกและรับพัสดุไปจากจำเลยตามรายการที่ขอเบิกและมอบให้จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานการที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนรายการของเพิ่มขึ้นนอกเหนือก็เพื่อใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นนี้เพื่อยักยอกเอาพัสดุของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในความดูแลรักษารับผิดชอบของจำเลยไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นเป็นเพียงแต่การใช้เพื่ออำพรางความผิดของตนหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9) ไม่ สำเนาใบเบิกพัสดุจึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 มีลักษณะของการกระทำความผิดโดยเฉพาะและหนักเป็นกรณีพิเศษเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 354 แล้ว ศาลจะลงโทษตามบทมาตรานี้ไม่ได้
การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นก็เพื่อใช้ในการยักยอกเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในคราวเดียวกันย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 แต่เมื่อจำเลยได้ทำปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ปลอมเพื่อใช้ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม 22 ครั้ง มีจำนวนถึง 22 ฉบับการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ใช้เอกสารปลอมเพื่อฉ้อโกง
การที่จำเลยใช้เอกสารราชการปลอมเพื่อฉ้อโกงเอาทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การหมิ่นประมาทต่อเนื่องในหนังสือพิมพ์
ฟ้องของโจทก์ทั้งสองข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดวันเวลาเดียวกัน ข้อความที่โฆษณาหมิ่นประมาทและดูหมิ่นผู้เสียหายนั้นต่างลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน เพียงแต่ ต่างคอลัมน์กันเท่านั้น และเป็นข้อความที่เกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน จึงเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นอันเดียวกัน คือโฆษณาใส่ความเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของผู้เสียหายและเป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกัน จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวแม้ฟ้องในอีกข้อหนึ่งจะเป็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเพียงฐานดูหมิ่นหรือมีข้อความพาดพิงถึงบุคคลอื่นด้วย ก็ไม่ทำให้เจตนาของจำเลยเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทผู้เสียหายเป็นเจตนาเพิ่มขึ้นใหม่เป็นอีกกรรมหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดทางอาญา: การพิจารณาว่าการบุกรุกและการกระทำอนาจารเป็นกรรมเดียว
จำเลยเข้าไปในเคหสถานแล้กระทำอนาจารผู้เสียหายนั้น เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่า จำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์ จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกันเป็นหลายกระทงความผิดมิได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1905/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำผิดเป็นสำคัญ: การกระทำหลายบทเป็นกรรมเดียว
จำเลยเข้าไปในเคหสถานแล้วกระทำอนาจารผู้เสียหายนั้นเห็นเจตนาของจำเลยได้ว่า จำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกันเป็นหลายกระทงความผิดมิได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1905/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท-การเพิ่มโทษเกินกรอบ: กรณีประทับตราอนุญาตชักลากไม้และทำบัญชีเท็จ
ตามระเบียบการตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลากไม้ และตามคำสั่งของป่าไม้เขตที่ให้จำเลยออกไปตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลากไม้ จำเลยจะต้องทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้ด้วย ดังนั้น การที่จำเลยทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้เป็นเท็จก็เพื่อให้การประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้อง ตามระเบียบเสร็จสิ้นไปโดยบริบูรณ์ การทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้เป็นเท็จกับการประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้องตามระเบียบจึงเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ขั้นตอนที่จะต้องกระทำ จำเลยต้องประทับตราอนุญาตชักลากไม้ก่อนแล้วจึงทำบัญชีอนุญาตชักลากก็หาทำให้การกระทำของจำเลยเป็นสองกรรมต่างกันไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160, 162 แต่ละกรรมเป็นความผิดตามมาตรา 157 ด้วย ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักทั้งสองกระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี ข้อหาทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยตามมาตรา 160, 162 เป็นความผิดกรรมเดียวกัน พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160, 162 และ 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 10 ปี ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงเดียว 10 ปี เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การประทับตราอนุญาตชักลากไม้เท็จ และการทำบัญชีขนาดไม้เป็นเท็จ
ตามระเบียบการตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลากไม้ และตามคำสั่งของป่าไม้เขต ที่ให้จำเลยออกไปตรวจวัด ประทับตราอนุญาตชักลากไม้ จำเลยจะต้องทำบัญชีอนุญาต ชักลากไม้ด้วย ดังนั้น การที่จำเลยทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้ เป็นเท็จก็เพื่อให้การประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้อง ตามระเบียบเสร็จสิ้นไปโดยบริบูรณ์ การทำบัญชีอนุญาต ชักลากไม้เป็นเท็จกับการประทับตราอนุญาตชักลากไม้ไม่ถูกต้อง ตามระเบียบจึงเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ขั้นตอนที่จะต้องกระทำ จำเลยต้องประทับตราอนุญาต ชักลากไม้ก่อนแล้วจึงทำบัญชีอนุญาตชักลากไม้ ก็หาทำให้ การกระทำของจำเลยเป็นสองกรรมต่างกันไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 160,162 แต่ละกรรมเป็นความผิดตามมาตรา 157ด้วย ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักทั้งสองกระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี ข้อหาทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษ จำเลยฐานทำไม้ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าการกระทำ ของจำเลยตามมาตรา 160,162 เป็นความผิดกรรมเดียวกัน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 160,162 และ 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่ง เป็นบทหนักที่สุด จำคุก 10 ปี ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลย หนักขึ้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษ จำคุกจำเลย กระทงเดียว 10 ปี เป็นการพิพากษา เพิ่มเติม โทษจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฐานผลิตและมีกัญชาเพื่อจำหน่าย การนับโทษต่อเมื่อจำเลยรับสารภาพ
กัญชาที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายก็คือกัญชาทั้งหมดที่จำเลยปลูกไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการผลิตตามกฎหมาย เป็นที่เห็นไว้ว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นผลที่เกิดจากการที่จำเลยปลูกหรือผลิตกัญชานั่นเอง มิได้มีการกระทำอย่างใดอันมีลักษณะเป็นการกระทำให้ได้กัญชาดังกล่าวมาไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายขึ้นอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานผลิตและมีกัญชาเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียว แม้มีกฎหมายหลายบท
กัญชาที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็คือกัญชาทั้งหมดที่จำเลยปลูกไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการผลิตตามกฎหมาย เป็นที่เห็นได้ว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นเป็นผลที่เกิดจากการที่จำเลยปลูกหรือผลิตกัญชานั่นเอง มิได้มีการกระทำอย่างใดอันมีลักษณะเป็นการกระทำให้ได้กัญชาดังกล่าวมาไว้ในความ ครอบครอง เพื่อจำหน่ายขึ้นอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท
of 173