คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 90

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,721 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันใช้เอกสารปลอมเพื่อฉ้อโกง ผู้กระทำผิดมีเจตนาฉ้อโกงตั้งแต่แรกเป็นกรรมเดียว
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ขับรถร่วมกันนำรถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุมาขายให้ผู้เสียหาย โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่าเป็น นางส. เจ้าของรถและจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบอำนาจในการโอนรถยนต์ให้แก่ผู้เสียหายเอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมและฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นแต่การที่จำเลยร่วมกันนำเอกสารปลอมมาใช้ก็โดยมีเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้เสียหายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันฉ้อโกงโดยใช้เอกสารปลอม มีเจตนาฉ้อโกงตั้งแต่ต้น เป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ขับรถร่วมกันนำรถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุมาขายให้ผู้เสียหาย โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่าเป็น นาง ส.เจ้าของรถ และจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบเอกสารในการโอนรถยนต์ให้แก่ผู้เสียหาย เอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมและฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น แต่การที่จำเลยร่วมกันนำเอกสารปลอมมาใช้ก็โดยมีเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้เสียหายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116-2117/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารเพื่อเบียดบังเงินค่าจ้างราษฎร ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดหลายบท
จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมลายมือชื่อของบุคคลอื่นหลายคนลงในบัญชีหลักฐานการจ่ายค่าแรงงาน ซึ่งความจริงบุคคลเหล่านั้นไม่เคยทำงาน และไม่ได้รับเงิน แล้วจำเลยกับพวกได้เสนอบัญชีหลักฐานการจ่ายค่าแรงนี้ไปขอเบิกเงินจากทางราชการ และเบียดบังเอาเงินจำนวนนั้นไปเป็นของ ตนและผู้อื่นเสียโดยทุจริตอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,264,268 นั้น เห็นได้ว่าการที่จำเลยกับพวกปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าว ก็โดยเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินอันเป็นค่าแรงนั่นเอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดฐานซื้อและมีอาวุธปืน การกระทำต่อเนื่องกันถือเป็นกรรมเดียว
ซื้ออาวุธปืนแล้วมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครอง เป็นความผิดกรรมเดียว ไม่ใช่หลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานที่สอดคล้องกันและการเบิกความที่ไม่น่าเชื่อถือของพยาน
ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูก ก. ตาย ถูก ส. อันตรายสาหัส เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 กับมาตรา 288,80 อีกบทหนึ่งคำพิพากษาต้องอ้างความผิดทั้ง 2 บท ให้ลงโทษตาม มาตรา 288 บทหนัก
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ที่ได้ตัวมาเบิกความ และที่ไม่ได้ตัวมาเบิกความเพราะติดตามตัวไม่พบ ระบุชื่อผู้ยิงว่านายประทีป สุขเกษม มาในชั้นศาลพยานโจทก์ว่าคนยิงไม่ใช่จำเลย แต่เป็นคนในร้านตัดเสื้อที่ชื่อประทีป แต่ไม่ทราบนามสกุล ศาลรับฟังได้ว่านายประทีป สุขเกษม จำเลยคือผู้ยิงตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดหลายบท: มียาเสพติดครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามออกนอกประเทศ
จำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 740 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามนำเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทที่หนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการรับเงินจากผู้รับจ้างโดยมิชอบ และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร การลงโทษตามกฎหมายอาญา
ข้าราชการกรมชลประทานที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับมอบงานจ้างตัดไม้ในบริเวณที่ทำเขื่อน ไม่มีหน้าที่รักษาเขื่อน ลงชื่อในหนังสือรับมอบงานโดยไม่ได้ไปตรวจสอบงาน แต่ไม่ปรากฏว่าทุจริตต่อไม้และต้นไม้ที่ถูกตัดคงเหลืออยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำไม่ทำให้น้ำเน่าเขื่อน และอ่างเก็บน้ำไม่เสียหาย ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 151,157 แต่เป็นความผิดตาม มาตรา 162 เฉพาะตัวผู้รับเงินจากผู้รับจ้างเป็นทุจริต เป็นความผิดตาม มาตรา 157 สัญญาจ้างทำ 3 คราว 52 ฉบับ เป็นเพียงวิธีการแต่ผู้รับจ้างมีรายเดียวเป็นเจตนาเดียว เป็นความผิดกรรมเดียว
บรรยายฟ้องว่าเจ้าพนักงานรับเงินที่จ่ายแก่ผู้มีชื่อในใบรับเงินไปบางส่วน เพราะโจทก์ไม่รู้ว่าส่วนที่รับไปนั้นเป็นจำนวนเท่าใด ถือเป็นการบรรยายที่ถูกต้องแล้วไม่เคลือบคลุม
พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งข้อหาอื่นแก่ผู้ต้องหา แต่ปรากฏความผิดฐานอื่นในเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดในคราวเดียวกัน ก็ถือได้ว่ามีการสอบสวนความผิดฐานอื่นแล้ว อัยการฟ้องฐานอื่นนั้นได้
ผู้ใช้ให้ทำผิดตาม มาตรา 84 โจทก์ไม่ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ แต่ขอให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุน ก็ลงโทษตาม มาตรา 86 เบากว่าตัวการได้ ไม่ถือว่าต่างกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของนิติบุคคลจากการละเมิดประมวลรัษฎากรและการแยกความผิดแต่ละกรรม
เมื่อฟ้องโจทก์ตอนแรกได้บรรยายว่า จำเลยจัดให้มีการฉายภาพยนตร์ เพื่อเก็บเงินจากผู้ซื้อตั๋วเข้าชมภาพยนตร์จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง และได้บรรยายการกระทำตามข้อ (ก)(ข)(ค)และ(ง) กับอ้างมาตราในประมวลรัษฎากร ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดฟ้องโจทก์จึงได้บรรยายแล้วว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามฟ้องแต่ผู้เดียวและโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดดังนั้น แม้ฟ้องข้อ (ข) บรรยายว่าพนักงานของจำเลยที่ได้รับแต่งตั้งจากจำเลยเป็นผู้ฉีกตั๋วและข้อ (ค) บรรยายว่าพนักงานของจำเลยไม่นำกากตั๋วใส่ภาชนะโดยไม่กล่าวถึงจำเลยก็พอเห็นได้ว่าการกระทำของพนักงานของจำเลยผู้ได้รับแต่งตั้งจากจำเลย เป็นการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของผู้จัดให้มีมหรสพและผู้รับผิดชอบดำเนินการมหรสพนั้นเอง ทั้งข้อเท็จจริงก็ ฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดโดยผู้ได้รับแต่งตั้งจากจำเลยให้คอยรับตั๋วจากผู้ดู ไม่ฉีกตั๋วที่ได้รับจากผู้ดูแล้วไม่นำกากตั๋วใส่ภาชนะ ทันที อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลรัษฎากร โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้ จำเลยรับผิดทางอาญาได้
จำเลยจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์โดยมิได้ปิดอากรมหรสพ 346ฉบับ ไม่ฉีกอากรมหรสพที่ปิดทับบนตั๋วให้ขาดเป็นสองตอน 7 ฉบับ และไม่นำกากตั๋วใส่ภาชนะทันที 143 ฉบับ เมื่อการเสียอากรมหรสพ ต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดูตามประมวลรัษฎากร มาตรา 132 การกระทำของจำเลยดังกล่าวก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากรตั๋วทุก ๆ ฉบับแม้ จะกระทำต่อเนื่องในการฉายภาพยนตร์รอบเดียวก็ตามแต่ก็แยกการกระทำออกจากกันได้ตามตั๋วแต่ละฉบับ จึงเป็นความผิดหลายกรรม ต่างกันรวม 496 กระทง หาใช่เป็นความผิดเพียง 3 กระทงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 และ 340 ตรี โดยต้องลงโทษทั้งสองบท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นเหตุให้รับโทษหนักขึ้นมิใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากศาลลงโทษจำเลยตาม มาตรา 340 ตรีซึ่งเป็นบทหนักเท่านั้นไม่ได้ต้องลงโทษตาม มาตรา 340,340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานค้ามนุษย์โดยการหลอกลวงและข่มขืนกระทำชำเราถือเป็นกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรก กระทงหนึ่งจำคุกคนละ 3 ปี ผิดตามมาตรา 320 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 2 ปีจำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 283,86 กระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปีและผิดตามมาตรา 320,86 อีก กระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 283วรรคแรก และมาตรา 320 วรรคสอง ลงโทษตามมาตรา 283 วรรคแรกซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 283 วรรคสุดท้าย 320 วรรคสอง และมาตรา 86 ลงโทษตามมาตรา 283 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 3 ปี จำเลยที่ 4 สองปี ดังนี้ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้บท ทั้งโทษที่ลงก็จำคุกไม่เกิน 5 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลย จะฎีกา โต้เถียงว่าไม่ได้กระทำผิดมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (อ้าง คำพิพากษาฎีกาที่ 1588/2492 และ 2177/2520)
จำเลยใช้อุบายกล่าวหาโจทก์ร่วมว่ายักยอกทรัพย์เพื่อให้ โจทก์ร่วมจำนนต่อคดีในทางอาญาแล้วจูงใจให้โจทก์ร่วมไปทำงาน ที่ฮ่องกงเพื่อให้มีรายได้และให้พ้นคดีอาญาครั้นโจทก์ร่วมยอมไป ถึงฮ่องกง ก็มีผู้ชายมารับที่สนามบินไปควบคุมตัวไว้ไม่ให้หนี แล้วมีผู้ชายมารับโจทก์ร่วมไปข่มขืนกระทำชำเราตามโรงแรม ต่าง ๆ หลายครั้งดังนี้ เห็นเจตนาของจำเลย ได้ว่า หาได้จัด ส่งโจทก์ร่วมออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อการอย่างอื่นไม่เจตนา แท้จริงก็เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นประการเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
of 173