พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารผิดแบบและการยกเว้นความรับผิดทางอาญาจากความเข้าใจผิดเรื่องกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องว่าปลูกสร้างอาคาร ไม่ตรงตามแบบที่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฯลฯ อันจะทำให้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด เช่นนี้การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดครบถ้วนแล้ว และเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่จะต้องนำสืบว่าการกระทำของจำเลยเข้าข้อยกเว้นข้ออุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ข้อบัญญัติส่วนท้องถิ่นเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่คนทั่วประเทศมิใช่บังคับเฉพาะแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้น จึงเป็น ข้อกฎหมายที่ศาลจะต้องทราบเอง โดยโจทก์มิต้องนำสืบความในข้อบัญญัติดังกล่าว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า "ก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากคณะเทศมนตรีเมืองปทุมธานี" เช่นนี้เป็นการแจ้งข้อหาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 พนักงานสอบสวนหาจำต้องแจ้งชื่อพระราชบัญญัติด้วยไม่การสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยทราบอยู่แล้วว่าการก่อสร้างอาคารในเขตเทศบาลต้องได้รับอนุญาตจากเทศบาล ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 ในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ฯ แล้ว การที่จำเลยก่อสร้างฝ่าฝืนต่อเติมอาคารผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต จึงจะยกเป็นเหตุอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย เพื่อไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ไม่ได้
ข้อบัญญัติส่วนท้องถิ่นเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่คนทั่วประเทศมิใช่บังคับเฉพาะแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้น จึงเป็น ข้อกฎหมายที่ศาลจะต้องทราบเอง โดยโจทก์มิต้องนำสืบความในข้อบัญญัติดังกล่าว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า "ก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากคณะเทศมนตรีเมืองปทุมธานี" เช่นนี้เป็นการแจ้งข้อหาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 พนักงานสอบสวนหาจำต้องแจ้งชื่อพระราชบัญญัติด้วยไม่การสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยทราบอยู่แล้วว่าการก่อสร้างอาคารในเขตเทศบาลต้องได้รับอนุญาตจากเทศบาล ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 ในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ฯ แล้ว การที่จำเลยก่อสร้างฝ่าฝืนต่อเติมอาคารผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต จึงจะยกเป็นเหตุอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย เพื่อไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเอกสารปลอมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพ้นผิด แม้เป็นผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ก็ถือเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
เจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านจำเลย พบรถยนต์ซึ่งถูกคนร้ายลักมา 1 คัน จำเลยแสดงตนว่าเป็นเจ้าของรถ โดยนำใบอนุญาตทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีซึ่งเป็นเอกสารปลอมมาแสดงเพื่อให้พ้นผิด เป็นการใช้หรืออ้างเอกสารนั้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับแล้ว เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารปลอม แม้จำเลยต้องหาฐานลักทรัพย์รับของโจร จำเลยก็มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของผู้ต้องหาไม่เป็นความเท็จ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ก็ไม่ผิดฐานแจ้งความเท็จ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ผู้ต้องหาจะให้การอย่างใดหรือไม่ให้การเลยก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างใดก็ได้ แม้คำให้การของผู้ต้องหาจะไม่เป็นความจริง ก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วสอบสวนจดคำให้การของจำเลยไว้ ต่อมามีพยานหลักฐานว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถชนผู้เสียหายมิใช่จำเลย พนักงานสอบสวนเห็นว่าคำให้การของจำเลยที่จดไว้เป็นความเท็จจึงแจ้งข้อหาจำเลยเพิ่มเติมว่าแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานดังนี้ คำให้การของจำเลยที่พนักงานสอบสวนจดไว้เป็นคำให้การในฐานะผู้ต้องหาแม้ไม่เป็นความจริง จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วสอบสวนจดคำให้การของจำเลยไว้ ต่อมามีพยานหลักฐานว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถชนผู้เสียหายมิใช่จำเลย พนักงานสอบสวนเห็นว่าคำให้การของจำเลยที่จดไว้เป็นความเท็จจึงแจ้งข้อหาจำเลยเพิ่มเติมว่าแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานดังนี้ คำให้การของจำเลยที่พนักงานสอบสวนจดไว้เป็นคำให้การในฐานะผู้ต้องหาแม้ไม่เป็นความจริง จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2670/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้บันทึกจับกุมระบุแค่ครอบครองเพื่อจำหน่าย และการปรับบทลงโทษ
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดต่างกัน แต่ก็เป็นความผิดรวมอยู่ในมาตราเดียวกัน แม้ตามบันทึกการจับกุมจะตั้งข้อหาเพียงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏหว่า จำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนด้วย ก็ถือได้ว่าได้ทำการสอบสวนในความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2670/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้บันทึกจับกุมระบุแค่ครอบครองเพื่อจำหน่าย และการปรับบทลงโทษ
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดต่างกัน แต่ก็เป็นความผิดรวมอยู่ในมาตราเดียวกัน แม้ตามบันทึกการจับกุมจะตั้งข้อหาเพียงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่า จำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนด้วย ก็ถือได้ว่าได้ทำการสอบสวนในความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2653/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานทาง косвенный (Indirect evidence) ยังไม่พอฟังว่าจำเลยร่วมกระทำผิด ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ลำพังคำให้การของพยานโจทก์ในชั้นสอบสวนยังไม่เป็นหลักฐาน พอให้ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำให้การซัดทอดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยนั้น จะใช้ยันเพื่อลงโทษจำเลยที่ 1 หาได้ไม่
คำให้การซัดทอดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยนั้น จะใช้ยันเพื่อลงโทษจำเลยที่ 1 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อหาและสอบสวนความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้จำเลยรับสารภาพเฉพาะครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็ถือว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาและสอบสวนฐานจำหน่ายแล้ว
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แม้จะเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกัน ก็เป็นความผิดที่เกียวเนื่องในเรื่องยาเสพติดเหมือนกัน ในชั้นสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำนห่าย จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แสดงว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงแห่งความผิดของตนแล้ว จึงถือได้ว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนและสอบสวนความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพฯ แล้วจำเลยรับสารภาพจำหน่าย ถือเป็นการแจ้งข้อหาและสอบสวนฐานจำหน่ายแล้ว
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนแม้จะเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกัน ก็เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องยาเสพติดเหมือนกัน ในชั้นสอบสวนเมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แสดงว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงแห่งความผิดของตนแล้ว จึงถือได้ว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนและสอบสวนความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาและการสอบสวนความผิดฐานมียาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติด แม้แจ้งข้อหาเฉพาะฐานหนึ่ง แต่หากสอบสวนพบความผิดฐานอื่นก็ถือว่ามีการสอบสวนความผิดฐานนั้นด้วย
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเฉพาะข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่า นอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหา – การสอบสวนเพิ่มเติมพบความผิดอื่น – ถือว่าสอบสวนความผิดนั้นแล้ว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเฉพาะข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่า นอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว