คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 134

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: หลักการประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยสมัครใจ คำให้การดังกล่าวใช้ยันจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง (อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม) ความผิดฐานใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์และความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสาม อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียว ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนผิดกฎหมาย: หลักการประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยสมัครใจคำให้การดังกล่าวใช้ยันจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา134 ความผิดฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง(อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม)ความผิดฐานใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์และความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา78วรรคสามอันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การรับสารภาพใช้ยันจำเลยได้, ความผิดฐานมีและใช้อาวุธปืนในการชิงทรัพย์, ลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยสมัครใจ คำให้การดังกล่าวใช้ยันจำเลยได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 134
ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง (อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม) ความผิดฐานใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์และความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสาม อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียว ตาม ป.อ.มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9378/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการสอบสวนคดีอาญาและการกำหนดโทษพยายามฆ่าเกินอัตราตามกฎหมาย
ตาม ป.วิ.อ. การสอบสวนคดีอาญาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามที่เห็นสมควรภายในขอบเขตบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ในการสอบสวนคดีนี้ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้กระทำผิดกฎหมายหรือผิดหน้าที่อย่างใด ทั้ง ป.วิ.อ.ก็มิได้บัญญัติห้ามมิให้บุคคลอื่นหรือพยานปากอื่นเข้าฟังการสอบสวน ดังนั้น การที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานโจทก์ทั้งห้าปากพร้อมกัน และพันตำรวจโท อ.พยานโจทก์ปากหนึ่งตรวจดูบันทึกคำให้การพยานโจทก์ชั้นสอบสวนทุกปาก พร้อมทั้งนั่งฟังการสอบสวนด้วยจึงหาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่
โทษฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ.มาตรา 288 กำหนดโทษไว้เป็น3 ประการ คือ โทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต และจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีโดยให้ศาลเลือกพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ในคดีนี้เป็นการพยายามกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาเลือกกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยคือโทษตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี ฉะนั้นโทษสูงสุดของอัตราโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ 20 ปีดังกล่าวที่สามารถจะลงโทษในข้อหาฐานพยายามได้ในกรณีนี้คือ 13 ปี 4 เดือนการที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยข้อหาฐานพยายามฆ่า 15 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงเป็นการลงโทษเกินสองในสามส่วนของโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สมควรแก้ไขโทษเสียให้เป็นการถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9378/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษพยายามฆ่า: ศาลแก้ไขโทษจำคุกให้เป็นไปตามอัตราส่วนสองในสามของโทษฐานฆ่า
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาการสอบสวนคดีอาญาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามที่เห็นสมควรภายในขอบเขตบทบัญญัติแห่งกฎหมายในการสอบสวนคดีนี้ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้กระทำผิดกฎหมายหรือผิดหน้าที่อย่างใดทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็มิได้บัญญัติห้ามมิให้บุคคลอื่นหรือพยานปากอื่นเข้าฟังการสอบสวนดังนั้น การที่พนักงานสอบสวนปากคำพยานโจทก์ทั้งห้าปากพร้อมกันและพันตำรวจโทอ.พยานโจทก์ปากหนึ่งตรวจดูบันทึกคำให้การพยานโจทก์ชั้นสอบสวนทุกปาก พร้อมทั้งนั่งฟังการสอบสวนด้วยจึงหาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ โทษฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288กำหนดโทษไว้เป็น3ประการคือโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิตและจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีโดยให้ศาลเลือกพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีในคดีนี้เป็นการพยายามกระทำความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้นซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาเลือกกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยคือโทษตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีฉะนั้นโทษสูงสุดของอัตราโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้20ปีดังกล่าวที่สามารถจะลงโทษในข้อหาฐานพยายามได้ในกรณีนี้คือ13ปี4เดือนการที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยข้อหาฐานพยายามฆ่า15ปีและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงเป็นการลงโทษเกินสองในสามส่วนของโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สมควรแก้ไขโทษเสียให้เป็นการถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6643/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: ความน่าเชื่อถือของพยานบุคคล, คำรับสารภาพ, และการพิสูจน์ความผิด
บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟสว่างพอที่ประจักษ์พยานจะมองเห็นเหตุการณ์ได้แม้ท. เบิกความชั้นพิจารณาไม่ตรงกับพยานปากอื่นแต่ท. ก็เบิกความว่าในวันเบิกความจำหน้าคนร้ายไม่ได้แล้วและชั้นสอบสวนท. ชี้ตัวคนร้ายตรงกับคำเบิกความพยานโจทก์ปากอื่นอีก2ปากพยานโจทก์ปากนี้จึงไม่เสียไปเมื่อจำเลยทั้งสองถูกจับในวันรุ่งขึ้นจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพและพาไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การรับสารภาพหลังเกิดเหตุเพียง3วันเชื่อว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยสมัครใจจึงใช้ยันจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา134

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, ความผิดฐานประมาท, การแก้ไขคำฟ้อง, และการรอการลงโทษจำคุก
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการสอบสวนไม่ชอบเนื่องจากพนักงานสอบสวนมิได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อจำเลยโจทก์มีพนักงานสอบสวนเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าพยานได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแล้วส่วนจำเลยเพียงแต่กล่าวอ้างลอยๆในอุทธรณ์และฎีกาเท่านั้นข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่าจำเลยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแตกต่างจากฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเป็นการแตกต่างในข้อที่มิใช่สาระสำคัญและที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้อื่นจำเลยต่อสู้ว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาอย่างดีไม่หลงต่อสู้ศาลพิพากษาลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสองและวรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พฤติการณ์ช่วยเหลือพาข้ามแดน-รับเงิน จี้ความรู้เจตนาจากเหตุแวดล้อม
การกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้นเป็นการยากที่จะนำสืบด้วยประจักษ์พยาน จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลจากกรณีแวดล้อมและพิรุธแห่งการกระทำการที่จำเลยที่1ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ด่านทหารไทยและทหาร กัมพูชาแล้วพาคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อข้ามแดนไปขายในประเทศ กัมพูชาโดยไม่มีการจดทะเบียนและต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ด่านชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่1รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่1ช่วยพาไปจำหน่ายนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดการกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นความผิดฐานรับ ของโจร แม้คำให้การในชั้นสอบสวนจะเป็น พยานบอกเล่า แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของ ส. ไว้โดยไม่ถูกต้องและคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานอื่นทั้งได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุเพียง5วันคำให้การชั้นสอบสวนของ ส. จึงมีน้ำหนักรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนขัดแย้งกับพยานหลักฐาน และการถูกขู่เข็น ทำให้คำรับสารภาพไม่น่าเชื่อถือ ศาลพิพากษายกฟ้อง
ฉ. เบิกความว่าเห็นจำเลยทั้งสองขับรถจักรยานยนต์ไปบ้านของผู้เสียหายแต่ตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่2ได้ความว่าได้เดินไปทั้งไปและกลับนอกจากนี้ตอนส.ไปรับอาวุธปืนของกลางที่กุฎิของป. ส. เบิกความว่าอาวุธปืนอยู่ในเป้อยู่ที่กุฎิป. ไม่พบจำเลยที่2แต่ในคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่2ระบุว่าจำเลยที่2เป็นคนหยิบเป้ใส่อาวุธปืนให้ส. ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคำให้การชั้นสอบสวนแตกต่างกับพยานโจทก์และพยานจำเลยที่นำสืบทั้งจำเลยที่2โต้เถียงว่าถูกขู่ให้รับสารภาพคำให้การชั้นสอบสวนจึงไม่ชอบไม่อาจใช้ยันจำเลยที่2ในชั้นพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา134และ135

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือคำให้การชั้นสอบสวนที่ไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่น และผลกระทบต่อการรับฟังพยาน
ฉ. เบิกความว่า เห็นจำเลยทั้งสองขับรถจักรยานยนต์ไปบ้านของผู้เสียหาย แต่ตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ได้ความว่าได้เดินไปทั้งไปและกลับ นอกจากนี้ตอน ส.ไปรับอาวุธปืนของกลางที่กุฏิของ ป.ส.เบิกความว่า อาวุธปืนอยู่ในเป้อยู่ที่กุฏิ ป. ไม่พบจำเลยที่ 2 แต่ในคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ระบุว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนหยิบเป้ใส่อาวุธปืนให้ ส.ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำให้การชั้นสอบสวนแตกต่างกับพยานโจทก์และพยานจำเลยที่นำสืบ ทั้งจำเลยที่ 2 โต้เถียงว่าถูกขู่ให้รับสารภาพ คำให้การชั้นสอบสวนจึงไม่ชอบ ไม่อาจใช้ยันจำเลยที่ 2 ในชั้นพิจารณาได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134และ 135
of 19