พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากสัญญาค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดนัด: เป็นค่าเสียหาย มีอายุความ 10 ปี
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหาย ดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากการชำระค่าเสียหายแทนลูกหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหายดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันบัญชีเดินสะพัด: ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในหนี้เต็มจำนวนหากสัญญาระบุไม่จำกัดความรับผิด
จำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท ตามที่โจทก์จะพิจารณาอนุญาต ตามวิธีและประเพณีการเบิกเงินเกินบัญชีของธนาคาร และจำเลยที่ 3 ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่ใช่สัญญากู้เพราะจำนวนที่กู้ไม่แน่นอนสุดแท้แต่โจทก์ผู้ให้กู้จะอนุญาต และเมื่อสัญญาค้ำประกันไม่มีข้อความตอนใดแสดงว่าจำเลยที่ 3 รับผิดจำกัดเพียง 20,000 บาท จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1 เต็มจำนวนเมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเลิกกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2631/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันเมื่อเกิดความเสียหายเกินวงเงินที่ค้ำ
ค้ำประกันหนี้ 10,000 บาท และว่าถ้าลูกหนี้ทำความเสียหายเกินกว่านั้นก็รับผิด ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตามความเสียหาย 205,764 บาท
ศาลพิพากษาคดีอาญาให้ลูกจ้างใช้ทรัพย์ที่ยักยอกไปผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในความเสียหายนั้น จะนำสืบว่าลูกจ้างไม่ได้ทำความเสียหายและปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาด้วยไม่ได้ โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันในคดีแพ่งโดยไม่ฟ้องลูกจ้างด้วยก็ได้
จำเลยที่ 1 ขอให้เรียกจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยร่วมศาลไม่อนุญาตไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความ ถ้าไม่โต้แย้งไว้ อุทธรณ์ไม่ได้
ศาลพิพากษาคดีอาญาให้ลูกจ้างใช้ทรัพย์ที่ยักยอกไปผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในความเสียหายนั้น จะนำสืบว่าลูกจ้างไม่ได้ทำความเสียหายและปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาด้วยไม่ได้ โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันในคดีแพ่งโดยไม่ฟ้องลูกจ้างด้วยก็ได้
จำเลยที่ 1 ขอให้เรียกจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยร่วมศาลไม่อนุญาตไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความ ถ้าไม่โต้แย้งไว้ อุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค้ำประกัน, ความรับผิดของผู้ค้ำประกันร่วม, การปลดหนี้เฉพาะส่วนไม่กระทบความรับผิดของผู้อื่น
ค้ำประกัน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่ามีกำหนดอายุความเท่าใด จึงมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 อีกอัตราหนึ่ง ดังนี้ หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้ แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้น ก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่ เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง การปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้ หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่ มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 อีกอัตราหนึ่ง ดังนี้ หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้ แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้น ก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่ เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง การปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้ หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่ มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค้ำประกัน - ความรับผิดของผู้ค้ำประกันร่วม - การปลดหนี้เฉพาะบางส่วนไม่กระทบความรับผิดของผู้อื่น
ค้ำประกัน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่ามีกำหนดอายุความเท่าใดจึงมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมี
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่1 อีกอัตราหนึ่งดังนี้หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้ แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้นก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิงการปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมี
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่1 อีกอัตราหนึ่งดังนี้หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้ แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้นก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิงการปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค้ำประกัน, ความรับผิดของผู้ค้ำประกันร่วม, การปลดหนี้เฉพาะส่วนไม่กระทบความรับผิดของผู้ค้ำประกันอื่น
ค้ำประกัน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่ามีกำหนดอายุความเท่าใด. จึงมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164.
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม.
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง. ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่1 อีกอัตราหนึ่ง. ดังนี้ หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่.
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน. จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้. แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้น. ก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่.เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง. การปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น.
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้. หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่. มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน.
การบรรยายฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม.
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้อัตราหนึ่ง. ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เข้าค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่1 อีกอัตราหนึ่ง. ดังนี้ หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดต่อโจทก์ไม่.
จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันการที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นบัญชีเดียวกัน. จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ภายในจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันไว้. แม้โจทก์ยอมรับการชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จำนวนหนึ่งและปลดหนี้ให้โดยการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เสียนั้น. ก็หาใช่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2จนถึงกับให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไปด้วยไม่.เพราะหนี้รายนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง. การปลดหนี้ดังกล่าวคงเป็นประโยชน์เพียงเท่าส่วนที่ได้ปลดไปเท่านั้น.
ปัญหาว่าบริษัทจำเลยไม่มีวัตถุประสงค์ค้ำประกันหนี้. หากไปประกันหนี้จะต้องรับผิดหรือไม่. มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิน และต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา
เมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอะไรที่โจทก์จะยึดมาชำระหนี้ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องจำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันให้ชดใช้หนี้รายนี้ให้โจทก์ได้
ในหนังสือสัญญาค้ำประกันระบุไว้โดยชัดแจ้งว่าผู้ค้ำประกันยอมใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหนี้ ดังนั้น จำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันจึงจำต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีให้แก่โจทก์ด้วย
ในหนังสือสัญญาค้ำประกันระบุไว้โดยชัดแจ้งว่าผู้ค้ำประกันยอมใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหนี้ ดังนั้น จำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันจึงจำต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีให้แก่โจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิน และสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกค่าเสียหาย
เมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอะไรที่โจทก์จะยึดมาชำระหนี้โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องจำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันให้ชดใช้หนี้รายนี้ให้โจทก์ได้
ในหนังสือสัญญาค้ำประกันระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า ผู้ค้ำประกันยอมใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหนี้ ดังนั้น จำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันจึงจำต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีให้แก่โจทก์ด้วย
ในหนังสือสัญญาค้ำประกันระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า ผู้ค้ำประกันยอมใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหนี้ ดังนั้น จำเลยในฐานะผู้รับมรดกผู้ค้ำประกันจึงจำต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีให้แก่โจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน - ความรับผิดของผู้ค้ำประกันต่อการทุจริตของลูกจ้างที่ได้รับมอบหมาย
จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันผู้มีชื่อคนหนึ่งในการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์ว่า ถ้าผู้มีชื่อทำให้โจทก์เสียหายด้วยประการใดๆ แล้ว จำเลยยินยอมชำระค่าเสียหายให้นั้น เมื่อผู้มีชื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำงานและได้บังอาจเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้วหลบหนีไป เช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็ย่อมต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันนั้น