คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 296

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4953/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากราคาต่ำกว่าราคาประเมินมาก
เจ้าพนักงานที่ดินได้ประเมินราคาที่ดินของจำเลยที่2คิดเป็นเงิน1,404,000บาทการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขายในราคา75,000บาทในการขายทอดตลาดครั้งแรกแม้ได้ตีราคาในขณะยึดไว้65,500บาทก็เป็นการขายทอดตลาดโดยรวบรัดและต่ำกว่าราคาที่แท้จริงมากจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4951/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดในการบังคับคดี การขายทอดตลาดผิดแปลง ทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะ ศาลไม่อาจออกใบแทนโฉนดให้ผู้ซื้อได้
แม้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่3894ของจำเลยที่1กับพวกมาเพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่4911ซึ่งบุคคลภายนอกมีชื่อและนามสกุลเดียวกับจำเลยที่1เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ด้วยความผิดหลงและศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วเท่ากับไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่3894ฟังไม่ได้ว่าผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่3894ได้จากการขายทอดตลาดศาลจึงไม่อาจให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่3894และจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ประมูลซื้อทรัพย์บังคับคดีในการเพิกถอนการขายทอดตลาดครั้งใหม่ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่แจ้งวันนัดและราคาต่ำกว่าเดิม
ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา296วรรคสองมีความหมายกว้างกว่าบุคคลผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา280เพราะมาตรา296วรรคสองมิได้เจาะจงตัวบุคคลไว้โดยเฉพาะเช่นมาตรา280 ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในครั้งแรกโดยให้ราคาสูงสุดแต่ผู้ร้องไม่ชำระราคาเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ประกาศขายทอดตลาดเป็นครั้งที่สองมีผู้ให้ราคาสูงสุดซึ่งต่ำกว่าการขายทอดตลาดครั้งแรกผู้ร้องจึงต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา516และตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีพ.ศ.2522ข้อ88ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามมาตรา296วรรคสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลอดที่ดำเนินการไปโดยฝ่าฝืนกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการแก้ไขคำพิพากษา: ข้อจำกัดการฎีกาเมื่อไม่ยกข้อต่อสู้ในชั้นต้น
ปัญหาว่าโจทก์ที่ 2 เป็นเพียงผู้ดูแลบ่อปลาแทนโจทก์ที่ 1 จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ขุดลอกคลองให้อยู่ในสภาพเดิม ให้โจทก์เป็นผู้กระทำโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงาน-บังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3113/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องยื่นคำร้องคัดค้านในคดีเดิมตามกฎหมาย การฟ้องคดีใหม่จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีและรายการจดทะเบียนจำนองระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2และมีคำขอข้อต่อมาว่าหากไม่อาจเพิกถอนได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน5,000,000บาทแต่การเพิกถอนการขายทอดตลาดได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองแล้วโจทก์จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวศาลไม่อาจพิพากษาตามฟ้องโจทก์ได้และชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา131(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องถูกจำกัดด้วยคำพิพากษาฎีกาเดิม ห้ามฟ้องคดีใหม่ที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาเดิม
ในคดีที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์กับ จ.เป็นหนี้สมยอมกัน ทำขึ้นโดยมิได้เป็นหนี้กันจริง เพื่อช่วยเหลือมิให้โจทก์และเจ้าหนี้อื่นบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของ จ. ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ จ. ซึ่งตรงกับประเด็นพิพาทในคดีนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนจึงผูกพันโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก โจทก์จะฟ้องเป็นคดีใหม่อ้างการได้มาซึ่งที่ดินตามฟ้องโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้น อันเป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนหาได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีไม่จำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการขายทอดตลาดสมบูรณ์แม้มีคดีเพิกถอน โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินและบ้านพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแม้ต่อมาจำเลยที่2ได้ยื่นคำร้องขอให้ เพิกถอน การขายทอดตลาดและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีก็ตามแต่ก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา296เมื่อศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการซื้อขายทอดตลาด & สิทธิการฟ้องขับไล่ แม้มีคดีเพิกถอนการขายทอดตลาดค้างอยู่
โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลและจดทะเบียนรับโอนแล้วโจทก์ทั้งสองย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330แม้จำเลยที่2ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังอยู่ ระหว่างพิจารณาก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296เมื่อคดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพิกถอนการขายทอดตลาดโจทก์ทั้งสองย่อมมี อำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์เจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมายและเกิดความเสียหาย, ผู้ซื้อมีส่วนได้เสีย
จำเลยที่1ที่2อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นแต่ศาลอุทธรณ์ภาค1คงพิจารณาและพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่1เท่านั้นการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค1จึงไม่ชอบแต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้วเพื่อให้ขบวนการยุติธรรมดำเนินไปโดยรวดเร็วศาลฎีกาเห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยอีกได้ การที่ศาลจะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้จะต้องเป็นกรณีต้องด้วยมาตรา296วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งกล่าวคือเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและเกิดการเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นๆที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีบุคคลดังกล่าวจึงจะมีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลก่อนการบังคับคดีเสร็จลงขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนได้ดังนั้นตามคำร้องของจำเลยที่1ที่อ้างว่าผู้เข้าสู้ราคาเป็นผู้มีส่วนได้เสียและรู้เห็นเป็นใจต่อกันทำให้ทรัพย์สินของจำเลยได้ราคาต่ำนั้นหากจะเป็นความจริงก็มิใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่อาจยกเหตุที่จำเลยที่1อ้างมาเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้วหากจำเลยที่2เห็นว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบจำเลยที่2จะต้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองก่อนจึงจะใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาได้ดังนั้นเมื่อจำเลยที่2มิได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นจำเลยที่2จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7278/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี การขัดทรัพย์ การดำเนินกระบวนการซ้ำ และอำนาจฟ้องขอเพิกถอนการบังคับคดี
แม้การบังคับคดียึดทรัพย์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น โจทก์จะมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว แต่โจทก์อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาทำการบังคับคดีอันเป็นการไม่ชอบทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงเป็นบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ซึ่งต้องเสียหาย ดังนั้น เมื่อโจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงดังกล่าว โจทก์ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ช้ากว่า8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น โจทก์ได้ทราบการฝ่าฝืนนั้นแล้วโดยได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าวแล้วมิได้ยื่นคำขอให้ยกเลิก การบังคับคดี จนการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจ ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง อีก โจทก์เป็นบุคคลภายนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมไม่ผูกพันโจทก์ แต่เมื่อการบังคับคดีมีผลกระทบต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ก็ชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่ว่าจะเป็นการร้องขัดทรัพย์หรือขอให้เพิกถอนการบังคับคดี หากโจทก์ไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ย่อมไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีนั้น ๆ ได้ คดีก่อนจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์คดีนี้ให้ออกจากทรัพย์ พิพาท โจทก์คดีนี้ในฐานะจำเลยในคดีดังกล่าวได้ให้การและ ฟ้องแย้งว่าจำเลยในคดีนี้มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาท สำเนา ใบแทนโฉนดที่ดินเป็นเอกสารไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลใช้บังคับ ขอให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้ง แล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ว่า ทรัพย์พิพาท เป็นของโจทก์มีการออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทโดยไม่ชอบ ขอให้ พิพากษาว่า การออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทไม่ผูกพันโจทก์ ดังนั้น คดีทั้งสองดังกล่าวจึงมีประเด็นแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน ถือได้ว่าคดีเดิมศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้ว โดยไม่เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินพิพาท ฟ้องของโจทก์คดีนี้ ที่ขอให้พิพากษาเกี่ยวกับใบแทนโฉนดที่ดิน จึงเป็นการดำเนินกระบวน พิจารณาซ้ำกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
of 64