คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 296

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7278/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี การขัดทรัพย์ การดำเนินกระบวนการซ้ำ และอำนาจฟ้องขอเพิกถอนการบังคับคดี
แม้การบังคับคดียึดทรัพย์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น โจทก์จะมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว แต่โจทก์อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาทำการบังคับคดีอันเป็นการไม่ชอบทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงเป็นบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ซึ่งต้องเสียหาย ดังนั้น เมื่อโจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงดังกล่าว โจทก์ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ช้ากว่า8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น โจทก์ได้ทราบการฝ่าฝืนนั้นแล้วโดยได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าวแล้วมิได้ยื่นคำขอให้ยกเลิก การบังคับคดี จนการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจ ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง อีก โจทก์เป็นบุคคลภายนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมไม่ผูกพันโจทก์ แต่เมื่อการบังคับคดีมีผลกระทบต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ก็ชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่ว่าจะเป็นการร้องขัดทรัพย์หรือขอให้เพิกถอนการบังคับคดี หากโจทก์ไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ย่อมไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีนั้น ๆ ได้ คดีก่อนจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์คดีนี้ให้ออกจากทรัพย์ พิพาท โจทก์คดีนี้ในฐานะจำเลยในคดีดังกล่าวได้ให้การและ ฟ้องแย้งว่าจำเลยในคดีนี้มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาท สำเนา ใบแทนโฉนดที่ดินเป็นเอกสารไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลใช้บังคับ ขอให้เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้ง แล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ว่า ทรัพย์พิพาท เป็นของโจทก์มีการออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทโดยไม่ชอบ ขอให้ พิพากษาว่า การออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทไม่ผูกพันโจทก์ ดังนั้น คดีทั้งสองดังกล่าวจึงมีประเด็นแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน ถือได้ว่าคดีเดิมศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้ว โดยไม่เพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินพิพาท ฟ้องของโจทก์คดีนี้ ที่ขอให้พิพากษาเกี่ยวกับใบแทนโฉนดที่ดิน จึงเป็นการดำเนินกระบวน พิจารณาซ้ำกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดหลังคดีถึงที่สุด ผู้ร้องขาดสิทธิเรียกร้อง
ผู้ร้องยกข้ออ้างขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ว่าเจ้า-พนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปหลังจากที่ได้ส่งหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว อันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา288 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่ร้องขัดทรัพย์นั้นศาล-ชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งทรัพย์พิพาทก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่ได้ ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องได้รับความเสียหายจากการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ผู้ร้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดหลังคดีขัดทรัพย์ถึงที่สุด ผู้ร้องหมดสิทธิเรียกร้อง
ผู้ร้องยกข้ออ้างขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปหลังจากที่ได้ส่งหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา 288 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่ร้องขัดทรัพย์นั้นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งทรัพย์พิพาทก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่ได้ ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องได้รับความเสียหายจากการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ผู้ร้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5713/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดและการปฏิบัติตามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณามีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาด เป็นวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี หากจำเลยทั้งสองเห็นว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบและตนเองได้รับความเสียหาย ชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีเสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งสอง หรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะหรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27และมาตรา 296 วรรคสอง เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5706/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการเพิกถอนการขายทอดตลาด การบังคับคดีไม่เสร็จสิ้นจนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับเงิน
แม้ผู้ซื้อทรัพย์จะได้โอนทรัพย์ที่ซื้อได้มาเป็นของตนแล้วแต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังไม่ได้รับเงินค่าขายทอดตลาด ย่อมถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5256/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: สิทธิของผู้รับโอนทรัพย์สินที่ถูกเพิกถอน
ป. ประมูลซื้อทรัพย์พิพาท คือ ที่ดินพร้อมตึกแถวได้จากการขายทอดตลาดในการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขณะที่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล ป. ได้โอนขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องโดยผู้ร้องได้รับโอนโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริต ต่อมาศาลพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต้องถือเสมือนว่าไม่มีการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทและไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทให้แก่ ป. และผู้ร้อง แม้ ป. เองก็ยังไม่ได้รับความคุ้มครอง เพราะกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 ผู้ร้องไม่อาจอ้างว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อทรัพย์พิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตคำพิพากษาที่เพิกถอนการขายทอดตลาดไม่ผูกพันผู้ร้องได้ เมื่อ ป.ผู้โอนไม่มีสิทธิในทรัพย์สินพิพาทแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน และอีกประการหนึ่งการที่มีการโอนทรัพย์พิพาทดังกล่าว ก็เป็นการโอนทรัพย์พิพาทไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 แต่การเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งเป็นกรณีอีกเรื่องหนึ่งหาเกี่ยวข้องกันไม่ผู้ร้องจึงไม่ได้รับความคุ้มครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4922/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์หลังการโอนกรรมสิทธิ์: เจ้าหนี้ยังยึดได้หากผู้รับโอนไม่ร้องขอปล่อยทรัพย์
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์สินที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่มี น.ส.3 ก. เพื่อบังคับคดีตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แล้วอันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 283 วรรคแรก แม้จะปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้ อ. ไปก่อนแล้วก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไป เพราะหากอ. ผู้มีชื่อใน น.ส.3 ก. อ้างว่าตนเป็นเจ้าของเนื่องจากได้รับการยกให้จากจำเลย อ. ก็ต้องร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 เมื่อ อ. มิได้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงไม่มีเหตุผลใดมาอ้างเพื่อเพิกถอนการยึด เพราะการมีชื่อใน น.ส.3 ก. ดังกล่าวมิได้หมายความว่า อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3788/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องอ้างเหตุเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ใช่แค่การสู้ราคาไม่สุจริต
กรณีที่ศาลจะสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี บุคคลดังกล่าวมีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลก่อนการบังคับคดีเสร็จลง ขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนได้แต่คำร้องของจำเลยทั้งสองมิได้กล่าวอ้างเลยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว เพียงแต่กล่าวอ้างว่าโจทก์กับบุคคลภายนอกร่วมกันเข้าสู้ราคาโดยไม่สุจริต สมคบกันกดราคาซื้อ ซึ่งมิได้เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดี จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: การยึดทรัพย์และการประเมินราคาที่ชอบด้วยกฎหมาย การขายทอดตลาดที่โปร่งใส
หลักปฏิบัติในการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ. บัญญัติไว้เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มิได้มีข้อกำหนดว่าการยึดทรัพย์จะต้องกระทำต่อหน้าเจ้าของทรัพย์และหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทแล้วก็ปิดประกาศการยึดไว้ ณ ที่ยึดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์โดยชอบแล้ว การยึดทรัพย์พิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมาย การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์และการประเมินราคาในคดีบังคับคดี การปิดประกาศยึดทรัพย์และการประเมินราคาที่โปร่งใสถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
หลักปฏิบัติในการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ.บัญญัติไว้เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มิได้มีข้อกำหนดว่าการยึดทรัพย์จะต้องกระทำต่อหน้าเจ้าของทรัพย์และหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทแล้วก็ปิดประกาศการยึดไว้ ณ ที่ยึดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์โดยชอบแล้ว การยึดทรัพย์พิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมาย
การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
of 64