คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 296

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาล และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาด
ปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นตั้งให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาลจะมีอำนาจบังคับคดีแทนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(14) บัญญัติว่าเจ้าพนักงานบังคับคดี หมายความว่า เจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาล จึงมีอำนาจบังคับคดีได้ และแม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่ จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ ดังนั้น เมื่อจ่าศาลได้มอบให้รองจ่าศาลเป็นผู้ดำเนินการแทน รองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินตามคำสั่งของศาล เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้ว ต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ยอมเป็นสิทธิของโจทก์จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาล และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดที่ดิน แม้ยังมิได้จดทะเบียน
ปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นตั้งให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาลจะมีอำนาจบังคับคดีแทนหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(14)บัญญัติว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีหมายความว่าเจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค4แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งรองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้และแม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ดังนั้นเมื่อจ่าศาลได้มอบให้รองจ่าศาลเป็นผู้ดำเนินการแทนรองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินตามคำสั่งของศาลเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้วต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ยอมเป็นสิทธิของโจทก์จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนการขายทอดตลาด: สิทธิผู้ซื้อจากการบังคับคดี vs. การเพิกถอนการขายที่ยังไม่มีคำสั่ง
การร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดย อ้างว่าได้ดำเนินการโดย ฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง นั้นหากศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการขาย ย่อมมีผลทำให้เสมือนไม่มีการขายแม้จะมีการโอนทรัพย์ให้ผู้ซื้อไปแล้ว ก็จะต้องเพิกถอนการโอนนั้นหรือหากผู้ซื้อได้โอนให้แก่บุคคลอื่นก่อนแล้วไม่ว่าจะโอนไปกี่ทอดและไม่ว่าผู้รับโอนจะสุจริตหรือเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ก็จะต้องเพิกถอนการโอนหมดเพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำสั่งให้เพิกถอนการขาย ตราบนั้นก็ยังต้องถือว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปโดยชอบ ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิรับโอนทรัพย์นั้นมาและโอนต่อ ๆ ไปได้ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินอ้างว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปโดยมิชอบศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ดังนั้น เมื่อศาลยังไม่มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดในคดีดังกล่าว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดย่อมมีสิทธิรับโอนที่ดินแปลงนี้ตามคำสั่งศาล และมีสิทธิโอนต่อให้แก่จำเลยที่ 2 ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีสิทธิรับโอนย่อมไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ทั้งจำเลยที่ 1 ยังมิได้เป็นลูกหนี้ของโจทก์ที่โจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: สิทธิของผู้ซื้อและผลกระทบต่อการฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉล
การขายทอดตลาดฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสองนั้นถ้าศาลสั่งเพิกถอนการขาย มีผลเสมือนไม่มีการขาย แม้มีการโอนทรัพย์นั้นให้ผู้ซื้อ แล้วก็จะต้องเพิกถอนการโอนไม่ว่าผู้รับโอนจะสุจริตหรือเสียค่าตอบแทนหรือไม่ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการเพิกถอนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อมีสิทธิรับโอนทั้งมีสิทธิโอนให้ผู้อื่นโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล ตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ยังไม่ได้การรับโอนและการโอนไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ซื้อและผู้รับโอนต่อ ๆ มาซึ่งทรัพย์นั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: จำเลยต้องยื่นคำขอต่อศาลหากเห็นว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนอุทธรณ์คำสั่งศาล
เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานการขายทอดตลาดต่อศาลขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขายทอดตลาด หากจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยต้องยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวง หรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะเพื่อให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: จำเลยต้องยื่นคำคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์ หากเห็นว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 แก่ผู้ซื้อเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2530 ก่อนการเคาะไม้เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นเพื่อมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้ขายหรือไม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเคาะไม้ขายไป ต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน2530 จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายทรัพย์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวและประกาศขายทอดตลาดใหม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดนั้นเป็นวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าการขายทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ต้องยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใด ๆโดยเฉพาะเพื่อให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อนตามมาตรา296 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่จำเลยที่ 1มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว กลับยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่มิได้กระทำโดยตรงไปตรงมาเนื่องจาก collusion และความเกี่ยวข้องกับศาล
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากการขายทอดตลาดว่า ผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาให้ต่ำจากราคาปกติไปมาก และผู้เข้าสู้ราคาทั้งหมดทำงานเกี่ยวข้องกับศาล ทำให้มีเหตุน่าเชื่อว่าการประมูลซื้อทรัพย์ของผู้ประกันในการขายทอดตลาดจะไม่ได้กระทำอย่างตรงไปตรงมา เป็นการฝ่าฝืนบทบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 เมื่อความปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้ง ศาลย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่กระทำโดยไม่ชอบนั้นเสียเองได้ เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่มิชอบเนื่องจากสมคบกันกดราคาและเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติมิชอบ
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากการขายทอดตลาดว่า ผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาให้ต่ำจากราคาปกติไปมาก และผู้เข้าสู้ราคาทั้งหมดทำงานเกี่ยวข้องกับศาล ทำให้มีเหตุน่าเชื่อว่าการประมูลซื้อทรัพย์ของผู้ประกันในการขายทอดตลาดจะไม่ได้กระทำอย่างตรงไปตรงมาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 เมื่อความปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้ง ศาลย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่กระทำโดยไม่ชอบนั้นเสียเองได้ เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และ 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่มิชอบ เนื่องจากการสมคบกันกดราคาของผู้เสนอซื้อที่เกี่ยวข้องกับศาล
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อศาลว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ประกัน ผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาให้ต่ำจากราคาปกติไปมากและผู้เข้าสู้ราคาทั้งหมดทำงานเกี่ยวข้องกับศาล ทำให้มีเหตุน่าเชื่อว่า การประมูลซื้อทรัพย์จะไม่ได้กระทำอย่างตรงไปตรงมาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 ศาลย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นเสียเองได้ เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจฟ้องเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของจำเลยที่ 3 ก่อนจำเลยที่ 3 ยื่นฎีกา จำเลยที่ 3ถูกศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ดังนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22,25 ย่อมเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีและยื่นฎีกาแทนจำเลยที่ 3 การที่จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาด้วยตนเองภายหลังถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ ภายหลังจำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาคดีนี้แล้ว จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ กับยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีการอฟังผลการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีล้มละลายใหม่นั้น แม้หากภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ตามคำร้องของจำเลยที่ 3 ก็มีผลเพียงลบล้างคำพิพากษาและกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายดังกล่าวเท่านั้น หาได้ลบล้างกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะต้องรอฟังผลการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีล้มละลายใหม่
of 64