พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การคัดค้านราคาขายทอดตลาดต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 8 วัน มิฉะนั้นสิทธิอุทธรณ์ฎีกาจะไม่มี
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อเสร็จการขายจำเลยที่ 1 ค้านว่าราคาสูงสุดที่ได้ยังต่ำไปขอให้ขายใหม่เจ้าพนักงานบังคับคดีเสนอศาลขออนุญาตขายแก่ผู้ให้ราคาสูงสุดศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขาย การที่จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่โดยอ้างว่าราคาที่ขายต่ำไปนั้น เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง กรณีจำต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสองจำเลยทั้งสองต้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองเพียงแต่คัดค้านการขายทอดตลาดต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยมิได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จำเลยทั้งสองจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมคำขอคัดค้านการขายทอดตลาด จำเป็นต้องชำระก่อนยื่นคำขอ มิฉะนั้นศาลไม่รับคำขอ
คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสองซึ่งคำขอดังกล่าวต้องทำเป็นคำร้องต่อศาลและต้องเสียค่าธรรมเนียมตามตาราง 2 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (3) เป็นค่าคำร้องเป็นเงิน 20 บาทและ ข้อ (7) เป็นค่าคำสั่งเป็นเงิน 50 บาท โดยต้องชำระเมื่อยื่นคำขอเช่นว่านั้นต่อศาลเมื่อจำเลยยื่นคำขอคัดค้านการขายทอดตลาดโดยมิได้ชำระค่าธรรมเนียมในขณะที่ยื่นคำขอ จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชอบที่จะไม่รับคำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลย คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยมิใช่คำร้องเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ จึงมิใช่คำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1(5)ซึ่งศาลจะต้องคืนให้จำเลยไปชำระค่าธรรมเนียมตามมาตรา 18 หากแต่เป็นคำร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการใดอย่างใด ๆ ที่บัญญัติไว้ในภาค 4 การที่ศาลล่างไม่รับคำขอจึงมีผลเท่ากับยกคำขอของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดต้องเป็นคำร้องและชำระค่าธรรมเนียม มิเช่นนั้นศาลไม่รับคำขอ
คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ต้องทำเป็นคำร้องและต้องเสียค่าธรรมเนียมตามตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (3) เป็นค่าคำร้องเป็นเงิน20 บาท และข้อ (7) เป็นค่าคำสั่งเป็นเงิน 50 บาท ด้วย โดยต้องชำระเมื่อยื่นคำขอเช่าว่านั้นต่อศาล จำเลยยื่นคำขอดังกล่าวโดยมิได้ชำระค่าธรรมเนียมในขณะที่ยื่นคำขอ จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบศาลไม่รับคำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลย คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยมิใช่คำร้องเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ จึงมิใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) ศาลจะสั่งคืนคำขอให้จำเลยไปชำระค่าธรรมเนียมเสียให้ถูกต้องตามมาตรา 18 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์หลังการขายทอดตลาด: สิทธิของผู้ร้องที่ยื่นคำร้องไม่ทันก่อนการขาย
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และขายทอดตลาดเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและดำเนินการขายทอดตลาดโดยผู้ร้องทั้งสองไม่รู้เห็นมาก่อน การบังคับคดีจึงกระทำไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามคำร้องเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ขอให้ยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงเกี่ยวกับการบังคับคดีครั้งนี้ อันมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องร้องขัดทรัพย์นั่นเอง มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองได้นั้น ตามมาตรา 288 วรรคแรกก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงาน-บังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์หลังการขายทอดตลาด: สิทธิของผู้ร้องที่อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของทรัพย์
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่าทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และขายทอดตลาดเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและดำเนินการขายทอดตลาดโดยผู้ร้องทั้งสองไม่รู้เห็นมาก่อนการบังคับคดีจึงกระทำไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ขอให้ยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงเกี่ยวกับการบังคับคดีครั้งนี้ อันมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องร้องขัดทรัพย์ มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองได้นั้นตามมาตรา 288 วรรคแรก ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์หลังการขายทอดตลาด: ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องก่อนการขายทอดตลาด
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และขายทอดตลาดเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสอง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและดำเนินการขายทอดตลาดโดยผู้ร้องทั้งสองไม่รู้เห็นมาก่อน การบังคับคดีจึงกระทำไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามคำร้องเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ขอให้ยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงเกี่ยวกับการบังคับคดีครั้งนี้ อันมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องร้องขัดทรัพย์นั่นเอง มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสองประกอบมาตรา 27 และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองได้นั้น ตามมาตรา 288 วรรคแรก ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องเพิกถอนหมายบังคับคดีต้องอ้างเหตุฝ่าฝืนก.ม. และอัตราค่าทนายความในคดีปลดเปลื้องทุกข์
คำร้องขอเพิกถอนหมายบังคับคดี จะต้องกล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากไม่กล่าวอ้างศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวน เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้อง ศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว คำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้อง และมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดีเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เมื่อศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความเกินอัตราขั้นสูงตามตาราง 6ศาลฎีกากำหนดให้ใหม่ตามที่ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการกำหนดค่าทนายความที่เกินอัตราตามกฎหมาย
ตามคำร้องของจำเลยที่ 3 ได้ความว่า จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์แล้วจำนวน 106,500 บาท จำเลยที่ 3 ไม่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์เลยทั้ง ๆ ที่ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ จำนวน 569,624.30 บาท พร้อมด้วย ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี โดยการผ่อนชำระภายในวันที่ 16 ของทุกเดือน เป็นเงินไม่น้อยกว่าเดือนละ 10,000 บาท และจะต้อง ชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 16 กรกฎาคม 2531 เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 1และที่ 3 มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงมีสิทธิ ที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ และตามคำร้องของจำเลยที่ 3 หาได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ แห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างใดไม่ ดังนี้ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยก คำร้องของจำเลยที่ 3 เสียได้โดย ไม่จำต้องทำการไต่สวนต่อไปเพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้อง ศาลก็จะงด การ บังคับ คดีไว้ตามมาตรา 296 ที่จำเลยที่ 3 อ้างไม่ได้ อยู่แล้ว จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3และมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี คดีของจำเลยที่ 3 ในชั้นนี้ จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งตาราง 6 อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งขั้นสูงในศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกากำหนดไว้ไม่เกิน 1,500 บาทศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท เกินอัตราขั้นสูงตามตารางดังกล่าวจึงเป็นการไม่ถูกต้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในการคัดค้านการยกเลิกการขายทอดตลาดที่ตนเองซื้อ หากไม่เคยคัดค้านตั้งแต่แรก
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายตลาดทรัพย์ที่ยึด ผู้ซื้อทรัพย์มิได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 ต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมและยืนราคาขายที่เหมาะสม
ศาลมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2531 ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และมีคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีวันที่ 1 ธันวาคม 2531 โดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226(2) ในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี มีผู้เสนอราคาสูงสุดกว่าราคาประเมินจำเลยคัดค้านลอย ๆ ว่าเป็นราคาต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน แต่เมื่อราคาที่เสนอเป็นราคาเหมาะสมกับสภาพทรัพย์สิน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไป เป็นการใช้ ดุลพินิจโดยสุจริต มิได้เป็นการแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีสมรู้กับ โจทก์และผู้ร้องจำเลยจะขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ โดยแสดง หนังสือรับรองราคาประเมินเข้ามาหาได้ไม่.