พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการขอเปิดกิจการที่ถูกปิดบังคับคดี หากเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย
ศาลพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดส่งมอบโรงภาพยนตร์คืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ยกฟ้องจำเลยร่วม จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงปิดโรงภาพยนตร์ตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยร่วมร้องเข้ามาในคดีขอให้เปิดโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าเป็นของ จำเลยร่วม ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยได้ จำเลยร่วม แถลงว่าตนไม่ใช่เจ้าของ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์ ไม่เป็นยุติมิให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องมีเหตุที่ศาลออกหมายบังคับคดีหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมาย การสมคบกันฉ้อโกงไม่เป็นเหตุ
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้คามตามคำร้อง ศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตาม มาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องมีเหตุที่ศาลออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืน มิใช่แค่เรื่องฉ้อโกง
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง อันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้องศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญายอมความที่ยังไม่ปลอดจำนองและอาคารชำรุด ศาลฎีกาพิพากษางดการบังคับคดี
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมขายที่ดินพร้อมอาคารพิพาทให้โจทก์โดยปลอดจำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ทำที่ดินและอาคารพิพาทให้ปลอดจำนองตามสัญญาและโจทก์อ้างว่าอาคารพิพาทชำรุดบกพร่อง ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ขำระค่าที่ดินและอาคารพิพาทตามคำขอของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบและเมื่ออาคารพิพาทยังไม่ปลอดจำนอง จึงมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ก่อน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความซื้อขายที่ดินพร้อมอาคาร: ศาลฎีกาวางหลักงดบังคับคดีหากที่ดินยังไม่ปลอดจำนองและอาคารชำรุด
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมขายที่ดินพร้อมอาคารพิพาทให้โจทก์โดยปลอดจำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ทำที่ดินและอาคารพิพาทให้ปลอดจำนองตามสัญญาและโจทก์ก็อ้างว่าอาคารพิพาทชำรุดบกพร่อง ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ชำระค่าที่ดิน และอาคารพิพาทตามคำขอของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบ และเมื่ออาคารพิพาทยังไม่ปลอดจำนอง จึงมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ก่อน(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 990/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ได้รับแจ้งคดีและการแต่งตั้งทนายความโดยชอบ จำเป็นต้องมีการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อน
แม้กระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นดำเนินการมามิใช่เป็นการพิจารณาโดยขาดนัดก็ตาม แต่ปรากฏตามคำร้องของจำเลยว่าการดำเนินคดีของโจทก์ตั้งแต่ฟ้องจนกระทั่งมีการบังคับคดีนั้นจำเลยไม่ทราบ เพราะจำเลยไม่เคยรับหมายเรียกของศาล ไม่เคยแต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความแก้ต่าง ไม่เคยให้การต่อสู้คดี ไม่เคยมอบอำนาจให้ทนายความมีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนจำเลยจำเลยเพียงทราบว่าถูกฟ้องเมื่อจ่าศาลไปยึดทรัพย์จำเลย ซึ่งถ้าเป็นความจริงดังจำเลยอ้าง การดำเนินกระบวนพิจารณาของ ว. ทนายความก็เป็นไปโดยมิชอบ ข้อเท็จจริงจะเป็นประการใดนั้น สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องยื่นก่อนบังคับคดีเสร็จสิ้น การสู้ราคาเป็นข้อตกลงระหว่างคู่กรณี
จำเลยร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ต้องร้องก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้น มาร้องเมื่อขายและจ่ายเงินแก่โจทก์ไปแล้ว ขอเพิกถอนไม่ได้ โจทก์และภริยาโจทก์เข้าสู้ราคาได้ การที่มีข้อตกลงกันไว้ในการสู้ราคาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่จะมาร้องให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดิน: ถือการครอบครองเป็นหลัก แม้เนื้อที่โฉนดไม่ตรงกับที่รังวัดจริง
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลย 4 คนแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวมซึ่งมีเนื้อที่ตามโฉนด 81 ไร่ 2 งาน 52 ตารางวา ให้เป็นส่วนของโจทก์เนื้อที่ 27 ไร่ 84 ตารางวา ตามที่ครอบครอง เมื่อได้ความจากพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาว่าโจทก์จำเลยต่างได้ปกครองที่พิพาทกันตามส่วนของตน และเมื่อคำนวณตามส่วนสัดของที่ดินทั้งหมดเป็นเกณฑ์แล้ว ผลปรากฏว่าโจทก์มีอยู่ 2 ส่วน จำเลยทั้งสี่มีคนละ 1 ส่วน ย่อมเห็นได้ว่าความสำคัญตามคำพิพากษาต้องถือเอาส่วนสัดที่ต่างคนต่างปกครองเป็นสำคัญ ข้อความที่เกี่ยวกับจำนวนเนื้อที่นั้นเป็นเพียงความประสงค์ที่จะแสดงถึงส่วนสัดที่คำนวณได้จากจำนวนเนื้อที่ที่ปรากฏอยู่ในโฉนดเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าเนื้อที่ดินตามโฉนดขาดไป คงรังวัดได้ 71 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา จึงชอบที่จะถือเอาส่วนที่ดินที่โจทก์ครอบครองตามที่ระบุไว้ในคำพิพากษาเป็นเงื่อนไขสำคัญกว่าจำนวนเนื้อที่สำหรับใช้เป็นหลักในการบังคับคดี ศาลย่อมให้แบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ 2 ใน 6 ส่วนของที่ดินที่รังวัดได้ ขาดเกินเพียงใดให้คิดชดเชยกันระหว่างที่ดินที่โจทก์ครอบครองกับที่ดินติดต่อส่วนที่เหลือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดินตามการครอบครองจริง แม้เนื้อที่ตามโฉนดไม่ตรงกับที่รังวัดได้ ศาลต้องยึดส่วนสัดการครอบครองเป็นหลัก
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลย 4 คนแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวมซึ่งมีเนื้อที่ตามโฉนด 81 ไร่ 2 งาน 42ตารางวา ให้เป็นส่วนของโจทก์เนื้อที่ 27 ไร่84 ตารางวาตามที่ครอบครอง เมื่อได้ความจากพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาว่าโจทก์จำเลยต่างได้ปกครองที่พิพาทกันตามส่วนของตน และเมื่อคำนวณตามส่วนสัดของที่ดินทั้งหมดเป็นเกณฑ์แล้ว ผลปรากฏว่าโจทก์มีอยู่ 2 ส่วน จำเลยทั้งสี่มีคนละ 1 ส่วนย่อมเห็นได้ว่าความสำคัญตามคำพิพากษาต้องถือเอาส่วนสัดที่ต่างคนต่างปกครองเป็นสำคัญข้อความที่เกี่ยวกับจำนวนเนื้อที่นั้นเป็นเพียงความประสงค์ที่จะแสดงถึงส่วนสัดที่คำนวณได้จากจำนวนเนื้อที่ที่ปรากฏอยู่ในโฉนดเท่านั้นฉะนั้นเมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าเนื้อที่ดินตามโฉนดขาดไป คงรังวัดได้ 71 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา จึงชอบที่จะถือเอาส่วนที่ดินที่โจทก์ครอบครองตามที่ระบุไว้ในคำพิพากษา เป็นเงื่อนไขสำคัญกว่าจำนวนเนื้อที่สำหรับใช้เป็นหลักในการบังคับคดี ศาลย่อมให้แบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ 2 ใน 6 ส่วนของที่ดินที่รังวัดได้ ขาดเกินเพียงใดให้คิดชดเชยกันระหว่างที่ดินที่โจทก์ครอบครองกับที่ดินติดต่อส่วนที่เหลือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่อาจอ้างไม่ชอบเพื่อเพิกถอนการโอนได้
คดีก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นโอนที่พิพาทให้จำเลย การที่จำเลยดำเนินการเพื่อให้มีการโอนที่พิพาทไปตามคำพิพากษาจนในที่สุดเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลย จึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์จะนำมาฟ้องเป็นคดีนี้อ้างว่าการบังคับคดีไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนเสียหาได้ไม่ และเมื่อโจทก์ไม่อาจอ้างได้ดังกล่าวข้ออ้างของโจทก์ที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิดย่อมตกไปในตัว โจทก์จะขอให้ขับไล่จำเลยไม่ได้