พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ซื้อมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพที่ดินก่อนประมูล เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องรับผิดชอบ
ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องการขายทอดตลาดที่ดินได้ระบุที่ดินที่จะขายที่ดินระวาง เลขที่ดิน หน้าสำรวจ เลขที่โฉนด แขวง เขต ที่ที่ดินตั้งอยู่ซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยระบุเนื้อที่ตามโฉนดขนาดกว้างยาวของที่ดินทั้งสี่ด้าน รวมทั้งรายชื่อเจ้าของที่ดินทั้งสี่ทิศ กับระบุว่าเป็นที่ว่างเปล่ารถยนต์เข้าถึงทั้งได้ระบุการไป ให้ดูตามแผนที่สังเขปท้ายประกาศ กับมีคำเตือนผู้ซื้อว่า การรอนสิทธิค่าภาษีอากรต่าง ๆ เรื่องเขตเนื้อที่ กับระบุว่า การบอกประเภทและสภาพของทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบ เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่จะต้องไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตนเอง ดังนี้ ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวได้ระบุข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่จะขายพอสมควรแก่กรณีแล้ว หากผู้ซื้อมีความสงสัยหรือต้องการทราบรายละเอียดสิ่งใดเพิ่มเติม ก็ย่อมสามารถตรวจสอบสภาพที่ดินตลอดจนหลักฐานของทางราชการได้ก่อนทำการประมูล
ผู้ร้องได้ทราบข่าวการประกาศขายทอดตลาดที่ดินของเจ้าพนักงานบังคับคดีมาก่อน และผู้ร้องได้ซื้อประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีมาดูรายละเอียดจนทราบที่ตั้งของที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด กับผู้ร้องได้ขับรถยนต์ไปดูที่ดินเห็นที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ห่างจากถนนประมาณ 150 เมตร ตามแผนที่ท้ายประกาศ ก็เข้าใจว่าเป็นที่ดินแปลงที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด เมื่อผู้ร้องทราบว่ามีการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตั้งแต่เดือนธันวาคม 2537 จนถึงวันที่ประมูลที่ดินได้เป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ผู้ร้องย่อมมีเวลาสามารถตรวจสอบที่ดินได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน การที่ผู้ร้องไม่ได้ทำการตรวจสอบสภาพที่ดิน ตำแหน่งที่ดินที่ขายทอดตลาดให้ดีก่อนทำการประมูล จึงเป็นความบกพร่องของผู้ร้องเอง เพราะตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ระบุคำเตือนผู้ซื้อไว้แล้วว่า เรื่องเขตเนื้อที่ ประเภทและสภาพของทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบ เป็นหน้าที่ผู้ซื้อที่จะต้องไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตนเอง เช่นนี้ฟังไม่ได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีผู้ร้องย่อมไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้
หลังจากไต่สวนพยานผู้ร้องมาแล้ว 3 ปาก ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายตาม ป.วิ.พ.มาตรา 24 ตามคำร้องและคำแถลงคัดค้านของผู้ร้อง แล้วศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่ผู้ร้องไต่สวนมาพอวินิจฉัยคำร้องได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวนคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจพิเคราะห์พยานหลักฐานในคดีประกอบกับข้อที่โจทก์ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายโดยฟังว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยาน คำสั่งศาลชั้นต้นในกรณีนี้จึงชอบแล้ว
ผู้ร้องได้ทราบข่าวการประกาศขายทอดตลาดที่ดินของเจ้าพนักงานบังคับคดีมาก่อน และผู้ร้องได้ซื้อประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีมาดูรายละเอียดจนทราบที่ตั้งของที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด กับผู้ร้องได้ขับรถยนต์ไปดูที่ดินเห็นที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ห่างจากถนนประมาณ 150 เมตร ตามแผนที่ท้ายประกาศ ก็เข้าใจว่าเป็นที่ดินแปลงที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด เมื่อผู้ร้องทราบว่ามีการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตั้งแต่เดือนธันวาคม 2537 จนถึงวันที่ประมูลที่ดินได้เป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ผู้ร้องย่อมมีเวลาสามารถตรวจสอบที่ดินได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน การที่ผู้ร้องไม่ได้ทำการตรวจสอบสภาพที่ดิน ตำแหน่งที่ดินที่ขายทอดตลาดให้ดีก่อนทำการประมูล จึงเป็นความบกพร่องของผู้ร้องเอง เพราะตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ระบุคำเตือนผู้ซื้อไว้แล้วว่า เรื่องเขตเนื้อที่ ประเภทและสภาพของทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบ เป็นหน้าที่ผู้ซื้อที่จะต้องไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตนเอง เช่นนี้ฟังไม่ได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีผู้ร้องย่อมไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้
หลังจากไต่สวนพยานผู้ร้องมาแล้ว 3 ปาก ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายตาม ป.วิ.พ.มาตรา 24 ตามคำร้องและคำแถลงคัดค้านของผู้ร้อง แล้วศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่ผู้ร้องไต่สวนมาพอวินิจฉัยคำร้องได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวนคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจพิเคราะห์พยานหลักฐานในคดีประกอบกับข้อที่โจทก์ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายโดยฟังว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยาน คำสั่งศาลชั้นต้นในกรณีนี้จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลขายทอดตลาด: ผู้ซื้อต้องตรวจสอบสภาพที่ดินเอง ศาลไม่รับเพิกถอนกรณีสำคัญผิด
ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องการขายทอดตลาดที่ดินได้ระบุที่ดินที่จะขายที่ดินระวาง เลขที่ดิน หน้าสำรวจเลขที่โฉนด แขวง เขต ที่ที่ดินตั้งอยู่ ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 2เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยระบุเนื้อที่ตามโฉนดขนาดกว้างยาวของที่ดินทั้งสี่ด้าน รวมทั้งรายชื่อเจ้าของที่ดินทั้งสี่ทิศกับระบุว่าเป็นที่ว่างเปล่ารถยนต์เข้าถึง ทั้งได้ระบุการไปที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายประกาศ กับมีคำเตือนผู้ซื้อว่า การรอนสิทธิ ค่าภาษีอากรต่าง ๆ เรื่องเขตเนื้อที่การบอกประเภทและสภาพของทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่จะต้องไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตนเอง เห็นได้ว่า ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวได้ระบุข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่จะขายพอสมควรแก่กรณีแล้ว หากผู้ซื้อมีความสงสัยหรือต้องการทราบรายละเอียดสิ่งใดเพิ่มเติม ก็ย่อมสามารถตรวจสอบสภาพที่ดินตลอดจนหลักฐานของทางราชการได้ก่อนทำการ ประมูล ผู้ร้องได้ทราบข่าวการประกาศขายทอดตลาดที่ดิน ของเจ้าพนักงานบังคับคดีมาก่อน และผู้ร้องได้ซื้อประกาศ เจ้าพนักงานบังคับคดีมาดูรายละเอียดจนทราบที่ตั้งของที่ดิน ดังกล่าว กับผู้ร้องได้ขับรถยนต์ไปดูที่ดิน เห็นที่ดิน แปลงหนึ่งห่างจากถนนประมาณ 150 เมตร ตามแผนที่ท้ายประกาศ ก็เข้าใจว่าเป็นที่ดินแปลงที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศ ขายทอดตลาดเมื่อผู้ร้องทราบว่า มีการประกาศขายทอดตลาด ที่ดินพิพาทตั้งแต่เดือนธันวาคม 2537 จนถึงวันที่ประมูลที่ดินได้เป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ผู้ร้องย่อมมีเวลาสามารถตรวจสอบ ที่ดินได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน การที่ผู้ร้องไม่ได้ทำการ ตรวจสอบสภาพที่ดิน ตำแหน่งที่ดินที่ขายทอดตลาดให้ดีก่อน ทำการประมูล จึงเป็นความบกพร่องของผู้ร้องเองเพราะ ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ระบุคำเตือนผู้ซื้อไว้แล้วว่า เรื่องเขตเนื้อที่ ประเภทและสภาพของทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบเป็นหน้าที่ผู้ซื้อที่จะต้องไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตนเองเช่นนี้ฟังไม่ได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีผู้ร้องย่อมไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ หลังจากไต่สวนพยานผู้ร้องมาแล้ว 3 ปาก ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ตามคำร้องและคำแถลงคัดค้านของผู้ร้องแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องไต่สวนมาพอวินิจฉัยคำร้องได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวน คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว เป็นการใช้ดุลพินิจพิเคราะห์พยานหลักฐานในคดีประกอบกับข้อที่โจทก์ ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายโดยฟังว่าคดี พอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยาน คำสั่ง ศาลชั้นต้น ในกรณีนี้จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1596/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาต่ำเกินไป
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดว่า โจทก์ เข้าประมูลซื้อที่ดิน โดยกดราคาที่ดินของจำเลย ให้ต่ำกว่าปกติ เป็นการซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยราคา ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้จะต่ำกว่าราคา ที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินถึง 4 เท่า และราคาที่เจ้าพนักงาน บังคับคดีอนุมัติให้ขายแก่โจทก์ซึ่งให้ราคาสูงสุด จะต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินเกิน 3 เท่าทั้งเป็นการขายครั้งแรกหากเป็นจริงตามคำร้องจะเห็นได้ว่าการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีลักษณะกดราคาที่ดินให้ต่ำมาก และไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบราคาอันแท้จริงส่อพฤติการณ์ว่าไม่สุจริตอยู่ในตัว ย่อมมีเหตุตามกฎหมายที่ศาลจะเพิกถอนการขายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง แม้ตามคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลย จะ มิได้กล่าวอ้างอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นการกระทำ ของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตามแต่หากพิจารณาคำร้อง คัดค้านการขายทอดตลาดพร้อมเอกสารที่แนบท้ายคำร้อง แล้วพอแปลได้ว่าจำเลยกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งการบังคับคดีแล้ว คำร้องของ จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการ ไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1596/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตลาด ชี้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดว่าโจทก์ เข้าประมูลซื้อที่ดินและในการประมูลซื้อที่ดินโจทก์กดราคาที่ดินของจำเลยให้ต่ำกว่าปกติเป็นการซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้จะต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินถึง 4 เท่าและราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายแก่โจทก์ซึ่งให้ราคาสูงสุด จะต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินเกิน 3 เท่า ทั้งเป็นการขายครั้งแรก หากเป็นจริงตามคำร้องจะเห็นได้ว่า การกระทำของ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีลักษณะกดราคาที่ดินให้ต่ำมาก และไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบราคาอันแท้จริง ส่อพฤติการณ์ว่าไม่สุจริตอยู่ในตัว ย่อมมีเหตุตามกฎหมาย ที่ศาลจะเพิกถอนการขายได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง แม้ตามคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยจะมิได้กล่าวอ้างอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตาม แต่หากพิจารณาคำร้องพร้อมเอกสารที่แนบท้ายคำร้องแล้วพอแปลได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งการบังคับคดี ดังนี้ ถือว่าคำร้อง ของ จำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1596/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีส่อทุจริต กดราคาต่ำกว่าปกติ
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดว่า โจทก์เข้าประมูลซื้อที่ดิน และในการประมูลซื้อที่ดิน โจทก์กดราคาที่ดินของจำเลยให้ต่ำกว่าปกติ เป็นการซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้จะต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินถึง 4 เท่า และราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายแก่โจทก์ซึ่งให้ราคาสูงสุด จะต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินเกิน 3 เท่าทั้งเป็นการขายครั้งแรก หากเป็นจริงตามคำร้องจะเห็นได้ว่า การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีลักษณะกดราคาที่ดินให้ต่ำมาก และไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบราคาอันแท้จริง ส่อพฤติการณ์ว่าไม่สุจริตอยู่ในตัว ย่อมมีเหตุตามกฎหมายที่ศาลจะเพิกถอนการขายได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสอง
แม้ตามคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยจะมิได้กล่าวอ้างอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตามแต่หากพิจารณาคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดพร้อมเอกสารที่แนบท้ายคำร้องแล้วพอแปลได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งการบังคับคดี ดังนี้ ถือว่าคำร้องของจำเลยชอบด้วยกฎหมายควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
แม้ตามคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยจะมิได้กล่าวอ้างอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตามแต่หากพิจารณาคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดพร้อมเอกสารที่แนบท้ายคำร้องแล้วพอแปลได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งการบังคับคดี ดังนี้ ถือว่าคำร้องของจำเลยชอบด้วยกฎหมายควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจอนุมัติการขายแม้มีผู้ประมูลรายเดียว หากราคาเป็นธรรม
ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเจ้าพนักงานบังคับคดี กฎหมายมิได้บัญญัติให้ต้องมีผู้เข้าแข่งขันในการประมูลราคา เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศให้ผู้มีส่วนได้เสียรวมทั้งจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ ทราบโดยชอบแล้ว แม้จะมีผู้เข้าประมูลสู้ราคาเพียงรายเดียว เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปได้ หาจำต้องรอผู้เข้าประมูลราคารายอื่นเข้ามาแข่งขันก่อนไม่ เมื่อในการขายทอดตลาดในครั้งที่พิพาท มีผู้แทนโจทก์เข้าประมูลสู้ราคาแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปจึงชอบแล้ว อีกทั้งไม่จำต้องเรียกขานชื่อจำเลย ก่อนการขายทอดตลาดเพราะเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่จะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบด้วยตนเอง
การอนุมัติให้ขายทอดตลาดโดยวิธีเคาะไม้เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าผู้ประมูลให้ราคาที่สมควรแล้ว ก็มีอำนาจที่จะอนุมัติให้ขายโดยวิธีเคาะไม้ได้ โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์
การขายทอดตลาดในครั้งแรก จำเลยคัดค้าน เจ้าพนักงานบังคับคดีก็รับฟัง ทั้งยังได้โทรศัพท์ปรึกษาผู้บังคับบัญชา และขอให้ผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้นเมี่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้ประมูลราคาต่ำไป จึงไม่อนุมัติให้ขายมาครั้งหนึ่งแล้วการขายในครั้งพิพาทเป็นการขายครั้งที่สอง เมื่อผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้นแล้วและเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรแล้ว ก็มีอำนาจอนุมัติให้ขายโดยวิธีเคาะไม้ได้ หาจำต้องฟังคำคัดค้านของจำเลย ตลอดไปไม่ ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยไม่สุจริตขายในราคาต่ำเกินสมควรแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้การขายทอดตลาดเสียไป และไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด
การอนุมัติให้ขายทอดตลาดโดยวิธีเคาะไม้เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าผู้ประมูลให้ราคาที่สมควรแล้ว ก็มีอำนาจที่จะอนุมัติให้ขายโดยวิธีเคาะไม้ได้ โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์
การขายทอดตลาดในครั้งแรก จำเลยคัดค้าน เจ้าพนักงานบังคับคดีก็รับฟัง ทั้งยังได้โทรศัพท์ปรึกษาผู้บังคับบัญชา และขอให้ผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้นเมี่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้ประมูลราคาต่ำไป จึงไม่อนุมัติให้ขายมาครั้งหนึ่งแล้วการขายในครั้งพิพาทเป็นการขายครั้งที่สอง เมื่อผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้นแล้วและเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรแล้ว ก็มีอำนาจอนุมัติให้ขายโดยวิธีเคาะไม้ได้ หาจำต้องฟังคำคัดค้านของจำเลย ตลอดไปไม่ ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยไม่สุจริตขายในราคาต่ำเกินสมควรแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้การขายทอดตลาดเสียไป และไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ชอบด้วยกฎหมายแม้มีผู้ประมูลรายเดียว และเจ้าพนักงานบังคับคดีมีดุลพินิจอนุมัติราคา
การขายทอดตลาดทรัพย์สินของเจ้าพนักงานบังคับคดีกฎหมายมิได้บัญญัติให้ต้องมีผู้เข้าแข่งขันในการประมูลราคาเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศให้ผู้มีส่วนได้เสียรวมทั้ง จำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ทราบโดยชอบแล้ว แม้จะมีผู้เข้าประมูล สู้ราคาเพียงรายเดียว เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมดำเนินการ ขายทอดตลาดต่อไปได้ หาจำต้องรอผู้เข้าประมูลราคา รายอื่นเข้ามาแข่งขันก่อนไม่ เมื่อการขายทอดตลาดในครั้งที่พิพาทมีผู้แทนโจทก์เข้าประมูลสู้ราคาแล้ว การที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปจึงชอบแล้ว อีกทั้งไม่จำต้องเรียกขานชื่อจำเลยก่อนการขายทอดตลาด เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ทราบด้วยตนเอง การอนุมัติให้ขายทอดตลาดโดยวิธีเคาะไม้เป็น ดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เห็นว่าผู้ประมูลให้ราคาที่สมควรแล้วก็มีอำนาจที่จะอนุมัติ ให้ขายโดยวิธีเคาะไม่ได้ โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของจำเลย ผู้ถูกยึดทรัพย์ก่อน การขายทอดตลาดในครั้งแรก จำเลยคัดค้านเจ้าพนักงานบังคับคดีก็รับฟัง ทั้งยังได้โทรศัพท์ปรึกษา ตัวผู้บังคับบัญชา และขอให้ผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้ประมูลราคาต่ำไป จึงไม่อนุมัติให้ขายมาครั้งหนึ่งแล้วการขายในครั้งพิพาทเป็น การขายครั้งที่สอง เมื่อผู้แทนโจทก์ประมูลราคาเพิ่มขึ้น และเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรแล้ว ย่อมมีอำนาจอนุมัติให้ขายโดยวิธีเคาะไม้ได้ หาจำต้องฟัง คำคัดค้านของจำเลยตลอดไปไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยไม่สุจริตขายในราคาต่ำเกินสมควรย่อมไม่เป็นเหตุให้การขายทอดตลาดเสียไป และไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมตัวระหว่างส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ถือเป็นการจำคุก และการยกกระบวนการบังคับคดี
การที่จำเลยถูกควบคุมตัวในเรือนจำระหว่างการพิจารณาคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นกรณีที่ศาลใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2534มาตรา 10 ที่ให้สั่งขังจำเลยไว้ มิใช่สั่งจำคุก จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล หรือถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 47 เรือนจำจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีคบคิดกันฉ้อฉลแกล้งประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296วรรคสอง ซึ่งจะต้องยื่นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืน(สถิตย์ ไพเราะ - ม.ล.เฉลิมชัย เกษมสันต์ - ศุภชัย ภู่งาม)ศาลจังหวัดมีนบุรี นายศุภมิตร บุญประสงค์ศาลอุทธรณ์ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ
นายกีรติ กาญจนรินทร์ - ตรวจ
นายธานิศ เกศวพิทักษ์ - ผู้ช่วยผู้พิพากษาฯ
นายเอกศักดิ์ ยันตรปกรณ์ - ย่อ
พัชรินทร์ พิมพ์/ทาน
นายกีรติ กาญจนรินทร์ - ตรวจ
นายธานิศ เกศวพิทักษ์ - ผู้ช่วยผู้พิพากษาฯ
นายเอกศักดิ์ ยันตรปกรณ์ - ย่อ
พัชรินทร์ พิมพ์/ทาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับไปยังเรือนจำของผู้ต้องขังคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการยื่นคำคัดค้านการบังคับคดีเกินกำหนด
การที่จำเลยถูกควบคุมตัวในเรือนจำระหว่างการพิจารณา คำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นกรณีที่ศาลใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่ให้สั่งขังจำเลยไว้ มิใช่ สั่งจำคุก จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษา ถึงที่สุดของศาล หรือถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 เรือนจำ จึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีคบคิดกันฉ้อฉลแกล้งประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นกรณี ที่จำเลยยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดี ทั้งปวง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองซึ่งจะต้องยื่นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยทราบการฝ่าฝืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6829/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจผู้รับมอบอำนาจกับการเพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลไม่อาจเพิกถอนหากเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติตามกฎหมาย
การที่ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ดำเนินการยื่นขอซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดเกินขอบอำนาจที่โจทก์ได้ให้ไว้เป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์กับผู้รับมอบอำนาจซึ่งไม่มีใครสามารถล่วงรู้ และถ้าหากความจริงจะปรากฏตามที่โจทก์กล่าวอ้างก็เป็นเรื่องที่ผู้รับมอบอำนาจจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์โดยส่วนตัว เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวกับผู้รับมอบอำนาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก หาได้เป็นเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ เพราะกฎหมายกำหนดเหตุที่จะ อ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดไว้ว่า ต้องเป็นกรณีที่ ต้องด้วยมาตรา 296 วรรคสอง แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คือ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่ตามคำร้องโจทก์อ้างว่า ผู้รับมอบอำนาจเข้าสู้ราคาเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินขอบเขตอำนาจแล้วมาขอเพิกถอน ดังนี้ จึงไม่มีข้อที่ศาล จะยกขึ้นมาอ้างว่าการขายทอดตลาดมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ แก่เจ้าหนี้และลูกหนี้ ที่จะยกมาเป็นเหตุให้เพิกถอน การขายทอดตลาดได้