คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 120

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 475 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้จัดการยักยอกทรัพย์ ผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นผู้เสียหาย
ในกรณีที่หุ้นส่วนผู้จัดการยักยอกทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเสียเองนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งย่อมเป็นผู้เสียหาย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในความผิดเช็ค: ผู้ทรงเช็ค ณ วันปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นผู้เสียหาย แต่เพียงผู้เดียว
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมสลักหลังส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้ ซ. ซ. นำเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่ธนาคาร ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ธนาคารปฏิเสธนั้นเป็นวันเกิดเหตุ เพราะความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะนั้น ซ.เป็นผู้ทรงเช็ค ซ.จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้ ซ.ไปแล้ว ก็ไม่ก่อให้โจทก์ร่วมเกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ การสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบ เท่ากับไม่มีการสอบสวนตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2520

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในคดีเช็ค: สิทธิร้องทุกข์เป็นของผู้ทรงเช็ค ณ วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมสลักหลังส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้ ซ. ซ. นำเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่ธนาคาร ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ธนาคารปฏิเสธนั้นเป็นวันเกิดเหตุเพราะความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะนั้น ซ. เป็นผู้ทรงเช็ค ซ. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้ ซ. ไปแล้วก็ไม่ก่อให้โจทก์ร่วมเกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ การสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบเท่ากับไม่มีการสอบสวนตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่แท้จริงและการมีอำนาจฟ้องคดีเช็ค - บุตรช่วยค้าขายไม่ใช่ผู้เสียหาย
ส. เป็นบุตร จ. ช่วย จ. ค้าขายอยู่ในร้าน จำเลยออกเช็คจ่ายเงินสดชำระหนี้ให้แก่ร้าน ขณะที่จำเลยนำเช็คมาชำระหนี้นั้น จ. และ ส. อยู่พร้อมหน้ากัน จำเลยมอบเช็คให้ ส. แต่ก่อนที่ ส. จะรับเช็คไว้ ส. ได้ให้ จ. ตรวจดูเช็คนั้นแล้ว ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดจ่ายเงิน ส. ได้ใช้ให้คนนำเช็คไปเบิกเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ถือได้ว่า จ. เจ้าของร้านผู้เป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ทรงเช็ค ส. เป็นเพียงผู้เก็บรักษาเช็คไว้แทน จ. เท่านั้น ส. ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค ส. ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย การที่ ส. ไปร้องทุกข์เป็นผู้เสียหายเสียเองจึงไม่ชอบ และพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่แท้จริง: การกำหนดตัวผู้เสียหายในคดีเช็ค และอำนาจฟ้อง
ส. เป็นบุตร จ. ช่วย จ. ค้าขายอยู่ในร้าน จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินสดชำระหนี้ให้แก่ร้าน ขณะที่จำเลยนำเช็คมาชำระหนี้นั้น จ. และ ส.อยู่พร้อมหน้ากันจำเลยมอบเช็คให้ส.แต่ก่อนที่ส. จะรับเช็คไว้ ส. ได้ให้จ. ตรวจดูเช็คนั้นแล้ว ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดจ่ายเงิน ส. ได้ใช้ให้คนนำเช็คไปเบิกเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ถือได้ว่า จ. เจ้าของร้านผู้เป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ทรงเช็ค ส. เป็นเพียงผู้เก็บรักษาเช็คไว้แทน จ. เท่านั้น เมื่อ ส. ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คส.ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายการที่ส. ไปร้องทุกข์เป็นผู้เสียหายเสียเองจึงไม่ชอบ และพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำ, อำนาจศาล, และความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา: การพิจารณาเจตนาและขอบเขตความผิด
อัยการศาลทหารเคยยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลทหาร ศาลทหารเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยถึงความผิดที่ฟ้องนั้นแต่ประการใดดังนี้พนักงานอัยการย่อมนำคดีเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนในวันเดียวกันนั้นอีกได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนและเมื่อปรากฏว่าคดีนี้ในชั้นเดิมพนักงานสอบสวนเข้าใจผิดว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหารแต่ผู้ทำการสอบสวนนั้นก็คือนายตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งกระทำไปตามอำนาจที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 47วรรคแรกตอนท้ายนั้นเอง เมื่อพนักงานอัยการฟ้องคดีนี้ใหม่ต่อศาลพลเรือนจึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนใหม่
จำเลยพยายามเอาของลับของตนใส่เข้าไปในของลับของเด็กหญิงอายุ 11 ขวบนานราว 8 อึดใจก็ใส่ไม่เข้า เด็กหญิงนั้นรู้สึกเจ็บที่บริเวณของลับภายนอก และในครั้งต่อมาจำเลยเอาไข่ขาวทาที่ของลับของจำเลยเสียก่อนแล้วจึงพยายามใส่เข้าไปในของลับของเด็กหญิงนั้น นานราว 6 อึดใจก็ใส่ไม่เข้า การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งเช่นนี้แสดงให้เห็นการกระทำและเจตนาของจำเลยว่าจำเลยได้ลงมือกระทำชำเราแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล มีความผิดตามมาตรา 277 ประกอบด้วย 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำ-ฟ้องซ้อนในคดีชำเรา และการพิจารณาความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา
อัยการศาลทหารเคยยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลทหาร ศาลทหารเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยถึงความผิดที่ฟ้องนั้นแต่ประการใด ดังนี้ พนักงานอัยการย่อมนำคดีเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนในวันเดียวกันนั้นอีกได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อน และเมื่อปรากฏว่าคดีในชั้นเดิมพนักงานสอบสวนเข้าใจผิดว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แต่ผู้ทำการสอบสวนนั้นก็คือนายตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งกระทำไปตามอำนาจที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 48 วรรคแรกตอนท้ายนั่นเอง เมื่อพนักงานอัยการฟ้องคดีนี้ใหม่ต่อศาลพลเรือน จึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนใหม่
จำเลยพยายามเอาของลับของตนใส่เข้าไปในของลับของเด็กหญิงอายุ 11 ขวบ นานราว 8 อึดใจก็ใส่ไม่เข้า เด็กหญิงนั้นรู้สึกเจ็บที่บริเวณของลับภายนอก และในครั้งต่อมาจำเลยเอาไข่ขาวทาของลับของจำเลยเสียก่อนแล้วจึงพยายามใส่เข้าไปในของลับของเด็กหญิงนั้น นานราว 6 อึดในก็ใส่ไม่เข้า การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งเช่นนี้แสดงให้เห็นการกระทำและเจตนาของจำเลยว่าจำเลยได้ลงมือกระทำชำเราแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล มีความผิดตามมาตรา 277 ประกอบด้วย 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่กระทบการฟ้องคดี และหลักการเพิ่มลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละตอนกันเมื่อการสอบสวนได้ดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้การจับกุมจะมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หาทำให้กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่
คดีที่มีกรณีทั้งต้องเพิ่มโทษและลดโทษที่จะลงแก่จำเลยนั้นจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 คือเพิ่มก่อนแล้วลดหรือไม่เพิ่ม ไม่ลด ถ้าในที่สุดคงลงโทษจำคุกจำเลยจริงไม่เกิน 20 ปีแล้วก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 51
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า เมื่อลงโทษจำคุกจำเลย20 ปีแล้ว จะเพิ่มโทษจำคุกจำเลยเกินกว่า 20 ปีไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังจะมีการลดโทษจำเลยด้วย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ศาลฎีกาจะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่กระทบการฟ้องคดี และหลักการเพิ่มลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละตอนกัน เมื่อการสอบสวนได้ดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้การจับกุมจะมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หาทำให้กระทบกระเทือนถึงการฟ้องคดีอาญาไม่
คดีที่มีกรณีทั้งต้องเพิ่มโทษและลดโทษที่จะลงแก่จำเลยนั้น จะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 คือเพิ่มก่อนแล้วลดหรือไม่เพิ่ม ไม่ลด ถ้าในที่สุดคงลงโทษจำคุกจำเลยจริงไม่เกิน 20 ปีแล้วก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 51
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า เมื่อลงโทษจำคุกจำเลย20 ปีแล้ว จะเพิ่มโทษจำคุกจำเลยเกินกว่า 20 ปีไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังจะมีการลดโทษจำเลยด้วย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาจะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-15/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับเช็คที่ชำระหนี้แทนภายหลังเช็คเด้ง ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าซื้อยาให้แก่บริษัท ท. เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ม. ผู้จัดการบริษัท ท.ได้เอาเงินส่วนตัวของ ม. ชำระให้บริษัท ท. แทนไปแล้วรับเช็คดังกล่าวมา ดังนี้ม. ได้รับเช็คนั้นมาหลังจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว ม. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
of 48