พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8083/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของคำฟ้องคดียาเสพติด: การบรรยายรายละเอียดสิ่งของและข้อหาที่ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ1(ก)ว่าจำเลยได้บังอาจมีแอมเฟตามีนจำนวน1เม็ดน้ำหนัก0.14กรัมอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ในครอบครองเพื่อขายและข้อ1(ข)ว่าจำเลยได้บังอาจขายแอมเฟตามีนจำนวน2เม็ดน้ำหนัก0.14กรัมอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2อันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองดังกล่าวในฟ้องข้อ1(ก)ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อเช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ยืนยันว่าจำเลยได้ขายแอมเฟตามีนตามที่จำเลยมีไว้ในครอบครองตามข้อ1(ก)นั่นเองที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำนวน2เม็ดและเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนนั้นเห็นได้ว่าโจทก์พิมพ์ผิดไปฟ้องโจทก์จึงบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำและสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ว่า(1)แอมเฟตามีน0.500กรัมและ(5)เมทแอมเฟตามีน0.500กรัมประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน0.500กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา62วรรคหนึ่ง,106ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์
ประกาศกระทรวงสาธาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ.2536 ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2ไว้ว่า (1) แอมเฟตามีน 0.500 กรัม และ (5) เมทแอมเฟตามีน 0.500 กรัมประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วย เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรค์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ.2536 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรค์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน 0.500 กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ. 2536 ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ว่า (1) แอมเฟตามีน 0.500 กรัมและ (5) เมทแอมเฟตามีน 0.500 กรัม ประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ. 2536 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน0.500 กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ว่า(1)แอมเฟตามีน0.500กรัมและ(5)เมทแอมเฟตรามีน0.500กรัมประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน0.500กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา62วรรคหนึ่ง,106ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขายและมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อขายเป็นกรรมเดียว ศาลฎีกายกเหตุผลที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายและฐานขาย เมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท2ซึ่ง พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518มาตรา13ทวิบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดผลิตขายนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา89กับมาตรา62วรรคหนึ่งบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใดๆซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภทและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา106ทวิและมาตรา4ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า"ขาย"ว่าหมายความรวมถึงจำหน่ายจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ สายลับจำนวน4เม็ดต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ในตัวจำเลยจำนวน60เม็ดและค้นได้ในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน1,100เม็ดเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิด กรรมเดียว คือการขายนั่นเองจำเลยหาได้มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน1,160เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกรรมหนึ่งแต่อย่างใดไม่แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็น2กรรมก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา225ประกอบมาตรา195วรรคสองที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายจำนวน1,160เม็ดนั้นก็คือการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้หนักขึ้นนั่นเองเมื่อความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน4เม็ดให้แก่สายลับกับความผิดฐานเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน1,160เม็ดที่ยึดได้ในภายหลังเป็นความผิดกรรมเดียวกันศาลฎีกากำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: การขายและมีไว้เพื่อขายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายและฐานขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 2ซึ่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 กับมาตรา 62 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใด ๆ ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 106 ทวิ และมาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า"ขาย" ว่า หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน
การที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับจำนวน 4 เม็ดต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ในตัวจำเลยจำนวน 60 เม็ด และค้นได้ในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน 1,100 เม็ด เมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียว คือการขายนั่นเอง จำเลยหาได้มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกรรมหนึ่งแต่อย่างใดไม่ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็น 2 กรรม ก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 195วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายจำนวน 1,160 เม็ด นั้น ก็คือการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้หนักขึ้นนั่นเอง เมื่อความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด ให้แก่สายลับกับความผิดฐานเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ด ที่ยึดได้ในภายหลัง เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ศาลฎีกากำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดีได้
การที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับจำนวน 4 เม็ดต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ในตัวจำเลยจำนวน 60 เม็ด และค้นได้ในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน 1,100 เม็ด เมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียว คือการขายนั่นเอง จำเลยหาได้มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกรรมหนึ่งแต่อย่างใดไม่ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็น 2 กรรม ก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 195วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายจำนวน 1,160 เม็ด นั้น ก็คือการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้หนักขึ้นนั่นเอง เมื่อความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด ให้แก่สายลับกับความผิดฐานเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ด ที่ยึดได้ในภายหลัง เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ศาลฎีกากำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขายและมีไว้เพื่อขายยาเสพติดเป็นกรรมเดียว ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษ
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา4บัญญัตินิยามคำว่า"ขาย"หมายความรวมถึงจำหน่ายจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันการที่จำเลยขาย เมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับจำนวน4เม็ดและต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ที่ตัวจำเลยจำนวน60เม็ดกับในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน1,100เม็ดเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนถือเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวคือการขายนั่นเองแม้จำเลยให้การรับสารภาพว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็นสองกรรมตามฟ้องแต่กรณีนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา225ประกอบกับมาตรา195วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดปริมาณมากเพื่อจำหน่าย แม้จะอ้างว่ารับจ้างขนส่ง ก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4 บัญญัตินิยามคำว่า "ขาย" หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง 5,989 เม็ดซึ่งเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จำเลยจะมีไว้เสพเอง ทั้งจำเลยนำสืบว่าไปรับยาเม็ดของกลางเพื่อนำไปมอบให้ ต. จึงเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย และเป็นการขายตามคำนิยามดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3105/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และการตีความคำว่า 'ขาย' ในพ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งฎีกาของจำเลยที่ว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอยู่ในบ้านจะมีความผิดหรือไม่ และพยานโจทก์มีเพียงพนักงานตำรวจเบิกความประกอบการรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเท่านั้นการนำเอาคำรับสารภาพชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขายดังนั้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่บ้านจำเลยจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องว่าจำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งเมทแอมเฟตามีนและพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์นั้น จึงชอบแล้ว