พบผลลัพธ์ทั้งหมด 81 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1912/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญาฐานทำไม้และมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาวินิจฉัยการใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่และการเพิ่มโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำไม้โดยตัดฟันไม้ยาง กับจำเลยมีไม้ยางอันเป็นไม่หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และคำขอท้ายฟ้องโจทก์ได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ซึ่งเป็นบทมาตราความผิดและมาตรา 31 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษกับอ้างพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมีไม้ยางยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่โจทก์มิได้อ้างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 กับพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่6) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2503 แล้วบัญญัติความใหม่ขึ้นแทนเท่านั้น ตามความที่บัญญัติขึ้นใหม่ยังคงเรียกว่ามาตรา31 และมาตรา 69 อยู่นั่นเองการที่จำเลยกระทำความผิดหลังจากใช้กฎหมายซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมใหม่แล้วแต่โจทก์มิได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงมิทำให้ฟ้องโจทก์ขาดความสมบูรณ์ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 14แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติซึ่งมีบทกำหนดโทษไว้ในมาตรา 31 และพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 69 แล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยตามกำหนดโทษในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 และมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2522 ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้น เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น กับลงโทษปรับจำเลยแล้วรอการลงโทษจำคุกได้ และหากปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามกฎหมายกำหนดตามที่โจทก์ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้น เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น กับลงโทษปรับจำเลยแล้วรอการลงโทษจำคุกได้ และหากปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามกฎหมายกำหนดตามที่โจทก์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำคุก แม้ฟ้องรวมกระทงความผิดหลายข้อหา หากแต่ละกระทงโทษไม่เกิน 2 ปี ศาลยังใช้ดุลพินิจได้
จำเลยถูกฟ้องขอให้ลงโทษในฐานความผิด 3 กระทงมาใน สำนวน เดียวกัน เมื่อโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยแต่ละกระทง ไม่เกินกระทงละ 2 ปี ซึ่งเท่ากับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในคดีหนึ่ง ๆ เป็นรายคดีตามสำนวนกระทงความผิดที่โจทก์รวมฟ้องมาไม่เกินคดีละสองปี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา56
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปและไม้ยังไม่แปรรูป ผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖
จำเลยเป็นลูกจ้าง ได้ร่วมกับพวกไปตัดฟันไม้มาทำการแปรรูป โดยไม่มีใบอนุญาตขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังนอนเฝ้าไม้เหล่านั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้าง ซึ่งเป็นผู้มีไว้ในครอบครอง จึงไมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการทำผิดตามกฎประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: ผู้กระทำเป็นลูกจ้างเฝ้าไม้ไม่ได้มีไว้ในความครอบครองเอง
จำเลยเป็นลูกจ้าง ได้ร่วมกับพวกไปตัดฟันไม้มาทำการแปรรูปโดยไม่มีใบอนุญาตขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังนอนเฝ้าไม้เหล่านั้นไว้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้แต่ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้าง ซึ่งเป็นผู้มีไว้ในความครอบครองจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ แม้ผู้กระทำผิดหลักครอบครองไม้ผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 4 ว่าจ้างจำเลยที่ 1, 2, 3 ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่า ขณะจำเลยที่ 1, 2, 3 กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่าก็ถูกเจ้าพนักงานจับกุม โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ที่ไม้ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ แม้จำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยที่ 1, 2, 3 รู้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายก็ยังขืนรับจ้างขนไม้ของกลางนั้น เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 4 ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1, 2, 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 4 ว่าจ้างจำเลยที่ 1,2,3 ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่า ขณะจำเลยที่ 1,2,3 กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่าก็ถูกเจ้าพนักงานจับกุมโดยจำเลยที่ 1,2,3 ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ แม้จำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้แต่การที่จำเลยที่ 1,2,3 รู้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายก็ยังขืนรับจ้างขนไม้ของกลางนั้นเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 4 ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1, 2,3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: ใช้ตราปลอม-ใบเบิกทางปลอมเพื่อเลี่ยงการจับกุมไม้ผิดกฎหมาย
การที่จำเลยใช้รอยตราปลอมและใช้ใบเบิกทางปลอมในคราวเดียวกันและด้วยเจตนาอย่างเดียวกัน คือเพื่อให้การบรรทุกไม้ของกลางของจำเลยรอดพ้นจากการจับกุมของเจ้าพนักงาน นั้น เป็นความผิดกรรมเดียวกัน มิใช่เป็นความผิดคนละกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ให้ผู้อื่นทำไม้หวงห้าม ผู้ใช้ไม่ต้องรับผิดฐานมีไม้หวงห้าม แต่ผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยใช้ให้บุตรนำช้างไปชักลากไม้ท่อนของ ข. ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม โดยจำเลยไม่ได้ไปร่วมทำการชักลากไม้ด้วยถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ดังกล่าวไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาต จำเลยไม่มีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯแต่ จำเลยรู้ว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้หวงห้าม จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ชักลากไม้(ทำไม้)หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมทำการชักลากไม้ (ทำไม้) จึงลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้คงลงโทษได้เพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทกฎหมายผิดพลาดในความผิดฐานมีไม้หวงห้าม ศาลต้องลงโทษตามบทที่ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีไม้แดง 2 ท่อน ไม้เต็ง 1450 ท่อน และไม้สมอ 3 ท่อน รวม 1455 ท่อน ปริมาตร 58.20 ลูกบาศก์เมตรอันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไว้ในความครอบครอง ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2504 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 4 ซึ่งเป็นบทมาตราขอให้ลงโทษเฉพาะเรื่องมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกับบทมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลย เห็นได้ว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้อง คือ ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง หากแต่ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครอง ไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง หาใช่อ้างบทกฎหมายผิดไม่ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดไม้หวงห้ามและครอบครองโดยไม่ติดตราค่าภาคหลวง ถือเป็นความผิดสองกระทง ต้องเรียงกระทงลงโทษ
ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามไม่ว่าจะขึ้นอยู่ในที่ใดในราชอาณาจักรการตัดฟันลงจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับสัมปทาน จำเลยตัดฟันไม้ยางซึ่งแม้จะขึ้นอยู่ในที่ดินของจำเลยเองก็มีความผิด การครอบครองไม้ที่ตัดฟันลงดังกล่าวโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายย่อมเป็นความผิดด้วย ไม้ดังกล่าวจึงเป็นไม้ที่ต้องริบ
ความผิดฐานตัดฟันลงซึ่งไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้ามแล้วครอบครองไม้นั้น เป็นการกระทำสองกรรมต่างกันเป็นความผิดสองกระทงซึ่งมีกำหนดโทษเท่ากัน คือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราต่าง ๆ ทั้งสองกระทง แล้วพิพากษาจำคุก 6 เดือนและปรับ 2,000 บาท โดยมิได้กล่าวว่าลงโทษตามมาตราใด นั้น เป็นการลงโทษในอัตราโทษขั้นต่ำของความผิดกระทงเดียวโดยมิได้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดให้ถูกต้องได้แต่จะแก้โทษให้หนักขึ้นไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
ความผิดฐานตัดฟันลงซึ่งไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้ามแล้วครอบครองไม้นั้น เป็นการกระทำสองกรรมต่างกันเป็นความผิดสองกระทงซึ่งมีกำหนดโทษเท่ากัน คือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราต่าง ๆ ทั้งสองกระทง แล้วพิพากษาจำคุก 6 เดือนและปรับ 2,000 บาท โดยมิได้กล่าวว่าลงโทษตามมาตราใด นั้น เป็นการลงโทษในอัตราโทษขั้นต่ำของความผิดกระทงเดียวโดยมิได้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดให้ถูกต้องได้แต่จะแก้โทษให้หนักขึ้นไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์