คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 176

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พยานหลักฐานจากการรับสารภาพและพฤติการณ์ที่เชื่อได้
ในคดีหาว่ามีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าฝิ่นของกลางเป็นของใครแต่โจทก์มีพยานสืบว่าฝิ่นของกลางถูกซุกซ่อนไว้ในตู้เก็บอาหารแห้งในเรือสินค้าต่างประเทศ ประกอบกับเมื่อค้นพบฝิ่นแล้ว ผูค้น ตำรวจและผู้สอบสวนสอบถามจำเลยถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่จำเลยก็รับว่าเป็นฝิ่นของตนต่อหน้ามูลนายของจำเลยทั้งยังเขียนคำรับเป็นภาษาจีนและแสดงวิธีเอาฝิ่นไปซุกซ่อนไว้ให้ดูโดยถอดกระดานฝาตู้ชั้นในออกเอาฝิ่นซุกไว้แล้วปิดฝาอย่างเก่าสมกับเป็นผู้เอาฝิ่นไว้เอง ทั้งจำเลยเป็นผู้ครอบครองตู้ ๆ นั้นมีกุญแจ จำเลยเป็นผู้รักษากุญแจเอง พฤติการณ์เหล่านี้ฟังประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนคดีฟังได้ว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการครอบครองยาเสพติด พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับฝิ่นของกลาง
ในคดีหาว่ามีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าฝิ่นของกลางเป็นของใคร แต่โจทก์มีพยานสืบว่าฝิ่นของกลางถูกซุกซ่อนไว้ในตู้เก็บอาหารแห้งในเรือสินค้าต่างประเทศ ประกอบกับเมื่อค้นฝิ่นแล้ว ผู้ค้น ตำรวจและผู้สอบสวนสอบถามจำเลยถึง 3 ครั้ง 3 หนแต่จำเลยก็รับว่าเป็นฝิ่นของตนต่อหน้ามูลนายของจำเลยทั้งยังเขียนคำรับเป็นภาษาจีนและแสดงวิธีเอาฝิ่นไปซุกซ่อนไว้ให้ดูโดยถอดกระดานฝาตู้ชั้นในออกเอาฝิ่นซุกไว้แล้วปิดฝาอย่างเก่า สมกับเป็นผู้เอาฝิ่นไว้เองทั้งจำเลยเป็นผู้ครอบครองตู้ๆ นั้น มีกุญแจ จำเลยเป็นผู้รักษากุญแจเอง พฤติการณ์เหล่านี้ฟังประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนคดีฟังได้ว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด ไม่สามารถลงโทษจากคำรับสารภาพเพียงอย่างเดียว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไรแม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นคดีนี้ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด พยานคำรับสารภาพอย่างเดียวไม่พอ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไร แม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นนี้คดีนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและทรัพย์สิน: โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์ความผิด แม้จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดเพื่อป้องกัน
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10ปีขึ้นไปแม้จำเลยจะให้การภาคเสธรับว่าได้ใช้ปืนยิงผู้ตายโดยป้องกันชีวิตและทรัพย์ก็ยังเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เป็นที่พอใจของศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อจำเลยนำสืบได้ว่าผู้ตายกับพวกเป็นคนร้ายปล้นโคของจำเลยและขู่ว่าจะทำร้ายจำเลย ๆ จึงใช้ปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและการป้องกันทรัพย์สิน: โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด แม้จำเลยจะให้การภาคเสธ
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปแม้จำเลยจะให้การภาคเสธรับว่าได้ใช้ปืนยิงผู้ตายโดยป้องกันชีวิตและทรัพย์ก็ยังเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เป็นที่พอใจของศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อจำเลยนำสืบได้ว่าผู้ตายกับพวกเป็นคนร้ายปล้นโคของจำเลยและขู่ว่าจะทำร้ายจำเลยๆ จึงใช้ปืนยิงผู้ตายดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุชัดเจนว่ากระทำในพื้นที่หวงห้ามที่ได้รับการประกาศตามกฎหมาย มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุที่หวงห้ามที่ชัดเจน การฟ้องไม่สมบูรณ์แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายสาหัสด้วยอาวุธจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายทุกขเวทนากล้าเกิน 20 วัน ศาลพิจารณาโทษและให้รอการลงโทษได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 256 โดยกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและส่งรายงานชันสูตรบาดแผลมาด้วย จำเลยรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นสาหัสตาม มาตรา 256(8) และพิพากษาคดีไปได้เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หากได้พิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและเหตุผลต่างๆ แล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะให้รอการลงโทษจำเลยไว้ไม่เกิน 5 ปีก็ได้ตาม มาตรา 41(ที่แก้ไข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส รับสารภาพ ศาลพิจารณาให้รอการลงโทษ
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 256 โดยกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและส่งรายงานชันสูตรบาดแผลมาด้วย จำเลยรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นสาหัสตาม มาตรา 256(8) และพิพากษาคดีไปได้เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หากได้พิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและเหตุผลต่างๆ แล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะให้รอการลงโทษจำเลยไว้ไม่เกิน 5 ปีก็ได้ตาม มาตรา 41(ที่แก้ไข)
of 68