พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลักษณะการพนัน การขาดองค์ความผิด และขอบเขตการลงโทษตาม พ.ร.บ.การพนัน
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันตุ้งปลายอันมีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่น แต่สืบไม่ปรากฎว่าเป็นการเล่นคล้ายการพนันโปปั่น จึงขาดเหตุอันเป็นองค์ความผิดหรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ปรากฎว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง จะลงโทษจำเลยใดๆ ในคดีนั้นไม่ได้ เข้าอยู่ในลักษณะคดี
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เ ป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่น ขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ 4 ม.3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เ ป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่น ขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ 4 ม.3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยโดยอาศัยคำรับสารภาพ พยานหลักฐานประกอบ และพยานยืนยัน แม้ไม่มีประจักษ์พยาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย 2 คนฐานสมคบกันชิงทรัพย์จำเลยทั้ง 2 รับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ โจทก์มีคำเจ้าทรัพย์ยืนยันฟังได้ว่า การชิงทรัพย์รายนี้มีคนอีกคนหนึ่งร่วมกระทำการกับจำเลยที่1 ด้วยและมีพยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยที่ 2 เดินตามหลังจำเลยที่ 1 ไปในคืนวันเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้วดังนี้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยได้ในขณะกระทำผิดเมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 แล้วคดีพอลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพกับหน้าที่การฟังพยานในคดีอัตราโทษสูงกว่า 10 ปี
ในคดีที่กฎหมายบัญญัติลงโทษจำเลย มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี นั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องฟังพยานโจทก์ต่อไป เพียงแต่โจทก์ส่งคำรับสารภาพชั้นสอบสวนแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ และพิพากษาคดีนั้นยังไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลทางร่างกายไม่ถึงขั้น 'บาดเจ็บ' ตามกฎหมายอาญา แม้จำเลยรับสารภาพ
ถูกทำร้ายมีบาดแผลปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลว่า ตรงกึ่งกลางสันหน้าแข้งขวากว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2 ซ.ม. ถลอกบวม และที่คอด้านหลังเป็นแผลบวมฟกช้ำ รักษา ประมาณ7 วันหาย เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บทุพพลภาพตามมาตรา 254
ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดแผลบาดเจ็บตามรายการชันสูตรบาดแผลเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย
บาดแผลตามรายงานชันสูตรท้ายฟ้องเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดแผลบาดเจ็บตามรายการชันสูตรบาดแผลเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย
บาดแผลตามรายงานชันสูตรท้ายฟ้องเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลตามรายงานชัณสูตรไม่ถึงขั้นเป็นบาดเจ็บทุพพลภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 254
ถูกทำร้ายมีบาดแผลปรากฎตามรายงานชัณสูตรบาดแผลว่าตรงกึ่งกลางสันหน้าแข้งขวากว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2 ซ.ม. ถลอกบวม และที่คอด้านหลังเป็นแผลบวมฟกช้ำ รักษาประมาณ 7 วันหาย เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าเป็นบาดแผลถึง บาดเจ็บทุพพลภาพตามมาตรา 254.
ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดแผลบาดเจ็บตามรายการชัณสูตรบาดแผลเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย.
บาดแผลตามรายงานชัณสูตรท้ายฟ้องเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย.
ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดแผลบาดเจ็บตามรายการชัณสูตรบาดแผลเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย.
บาดแผลตามรายงานชัณสูตรท้ายฟ้องเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราโทษความผิดพยายามข่มขืนชำเราและขอบเขตการสืบพยาน
แม้ความผิดฐานข่มขืนชำเราตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 244วรรคต้นมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปีแต่ความผิดฐานพยายามตามมาตรา 244 นั้น อย่างสูงศาลจะพิพากษาโทษได้6 ปี 8 เดือนเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ไม่จำเป็นต้องฟังพยานโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 ก่อน เมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราโทษความผิดพยายามข่มขืนชำเรา: ศาลฎีกาวินิจฉัยการลดโทษตามกฎหมาย
แม้ความผิดฐานาข่มขืนชำเราตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 244 วรรคต้นมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถือ 10 ปี แต่ ความผิดฐานพยายามตามมาตรา 244 นั้น อย่างสูงศาลจะพิพากษาโทษได้ 6 ปี 8 เดือนเท่านั้น จึงเป็นคดีที่ไม่จำเป็น ต้องฟังพยานโจทก์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ก่อน เมื่อจำเลยรับสารภาพจำเลยก็ย่อมพิพาทลงโทษจำเลยได้ที เดียว./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนต้องมีหลักฐานประกอบอื่นนอกเหนือจากคำรับสารภาพเอง จึงจะรับฟังได้
พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลย ในชั้นสอบสวนจะต้องไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเองเพียงแต่มีคำพยานว่าจำเลยได้รับสารภาพต่อพยานดังที่ได้สอบสวนจากบันทึกไว้ยังไม่เป็นหลักฐานประกอบคำรับสารภาพนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันจากประวัติอาชญากรรมเดิม แม้พ้นโทษมานาน และโทษกักกันไม่เข้าข่ายคดีอัตราโทษสูง
การที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งนั้นตามพ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479หาได้บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็นหลักสำคัญส่วนความผิดในครั้งก่อนๆเพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะพ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้วก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปีก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจึงไม่เข้าอยู่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปีก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจึงไม่เข้าอยู่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีอาญา: จำเลยอ้างป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว มีผลเท่ากับว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้