คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 176

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอัตราโทษสูง: พยานประกอบต้องน่าเชื่อถือว่าจำเลยรับสารภาพตามจริง
ในคดีที่จำเลยรับสารภาพแต่เพราะเป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี ศาลจึงต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจว่าจำเลยกระทำผิดจริงนั้นพยานที่ศาลจะต้องฟังนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขนาดที่จะใช้ลงโทษได้อย่างในคดีที่จำเลยปฏิเสธเพียงแต่มีเหตุผลแวดล้อมให้เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามความจริง ไม่มีเหตุสงสัยว่าจะรับแทนผู้อื่นแล้วก็พอฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะมีคำรับของจำเลยเป็นหลักอยู่แล้ว
โจทก์มีพยานเห็นจำเลยกับผู้ตายและผู้อื่นเกิดทุ่มเถียงกันในวงเสพสุราต่อมาในเวลาใกล้ชิดกันนั้น มีผู้พบศพผู้ตายในวงเสพสุรานั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพโดยดีว่าได้เป็นผู้ทำร้ายผู้ตายตาย ศาลฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายตายดังคำรับสารภาพได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402-405/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปริมาณข้าวเปลือก: เจตนาฝ่าฝืนและความแตกต่างของกฎหมาย
คณะกรรมการจังหวัดได้ออกประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้าวเปลือก ไปแจ้งปริมาณสถานที่เก็บ ตามอำนาจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น แม้เรื่องการแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวจะมีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติสำรวจห้ามกักกันข้าวซึ่งออกใช้ภายหลังก็ดีศาลก็จะใช้ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวแทนพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ไม่ได้ เพราะกฎหมายทั้งสองนี้มีความมุ่งหมายต่างกัน
ผู้ที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศของคณะกรรมการจังหวัดซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ นั้น ถ้าไม่ทราบประกาศดังกล่าวแล้วนั้นก็ถือว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืน ยังไม่ผิด
คดีที่จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง หากโจทก์ต้องสืบพยานประกอบคำรับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 เมื่อพยานที่นำสืบกลับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเช่นนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยมีการกล่าวอ้างถึงการร้องทุกข์ของผู้เสียหาย จำเลยไม่โต้แย้ง ศาลไม่ต้องสืบการร้องทุกข์
คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้น เมื่อโจทก์บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้นำคดีขึ้นว่ากล่าวตามกฎหมายแล้วฝ่ายจำเลยก็มิได้คัดค้านร้องทุกข์เช่นนี้ คดีไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงการร้องทุกข์ อ้างฎีกาที่ 489/2488 ทั้งทางพิจารณาที่ปรากฏ ก็ไม่ได้ความว่าคดีไม่มีการร้องทุกข์ ดังนี้จำเลยจะหยิบยกเป็นข้อโต้เถียงชั้นศาลสูงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การต่อสู้ของจำเลยไม่ใช่คำรับสารภาพ และหน้าที่การนำสืบของโจทก์ในคดีอาญา
คำรับของจำเลยที่รับว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายจริง แต่ได้ทำไปโดยการป้องกันตัวนั้น ถือว่าไม่ใช่คำรับสารภาพตามฟ้องตามที่กำหนดไว้ใน ป.ม.วิ.อาญา ม.176 จะฟังเอาคำรับของจำเลยแต่เพียงบางส่วนไปลงโทษจำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงคงมีหน้าที่ต้องนำสืบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 174 เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยควรรับโทษ ถ้าโจทก์ไม่สืบก็ต้องยกฟ้อง
ในคดีอาญานั้น แม้โจทก์จำเลยตกลงอ้างและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามคำให้การขอพะยานในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องในกรณีเกียวกัน ศาลก็ไม่รับฟังคำพะยานเหล่านั้นเพื่อลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดในคดีอาญา จำเลยต่อสู้ว่าทำร้ายเพื่อป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดเอง
คำรับของจำเลยที่รับว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงแต่ได้ทำไปโดยการป้องกันตัวนั้น ถือว่าไม่ใช่คำรับสารภาพตามฟ้องตามที่กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จะฟังเอาคำรับของจำเลยแต่เพียงบางส่วนไปลงโทษจำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงคงมีหน้าที่ต้องนำสืบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 174 เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยควรรับโทษถ้าโจทก์ไม่สืบ ก็ต้องยกฟ้อง
ในคดีอาญานั้น แม้โจทก์จำเลยตกลงอ้างและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามคำให้การของพยานในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งซึ่งเกี่ยวเนื่องในกรณีเดียวกันศาลก็ไม่รับฟังคำพยานเหล่านั้นเพื่อลงโทษจำเลย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่1/2491 และครั้งที่ 8,9/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษในคดีวิวาท: จำเลยต้องลงมือทำร้ายร่างกายผู้ใดโดยเฉพาะ จึงจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้
ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยเฉพาะส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทมีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายในเบื้องต้นกล่าวไว้ชัดว่า เป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแล้วไขความต่อไปว่า จำเลยสมคบกับพวก(ระบุชื่อ) ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ บางคน ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 254
ดังนี้ เป็นข้อความที่ขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นกรณีวิวาทแม้จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 254ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: ด้ามไม้กวาดไม่ใช่สาตราวุธร้ายแรง
คดีที่มีแต่ฟ้องและคำรับ แม้ศาลล่างตัดสินต้องกันมา คู่ความก็ฎีกาว่าตามคำฟ้องและคำรับนั้นลงโทษฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้
ใช้ด้ามไม้กวาดตีศรีษะแต่เขายกแขนรับ ไม่ถึงบาดเจ็ด ศาลลงโทษเพียงฐานทำร้ายไม่ถึงบาดเจ็ด ไม่ลงโทษฐานพยายามทำร้ายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254,60.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความผิดฐานทำร้ายร่างกายเมื่อใช้ไม้กวาดตี แต่ผู้ถูกทำร้ายยกแขนป้องกันจนไม่ถึงบาดเจ็บ
คดีที่มีแต่ฟ้องและคำรับแม้ศาลล่างตัดสินต้องกันมา
คู่ความก็ฎีกาว่าตามคำฟ้องและคำรับนั้นลงโทษฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้
ใช้ด้ามไม้กวาดตีศีรษะแต่เขายกแขนรับ ไม่ถึงบาดเจ็บ ศาลลงโทษเพียงฐานทำร้ายไม่ถึงบาดเจ็บ ไม่ลงโทษฐานพยายามทำร้ายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับผิดต่อศาลแล้ว ไม่อาจอุทธรณ์คัดค้านภายหลังได้
คดีละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32-33 เป็นคดีมีอัตราโทษไม่ถึงจำคุก 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงตามนั้นและพิพากษาได้ทีเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ในกรณีเช่นนี้ ผู้ถูกลงโทษจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ศาลรื้อฟื้นข้อเท็จจริงของตนขึ้นพิจารณาใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับผิดต่อศาลแล้ว ไม่อาจฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเดิมได้
คดีละเมิดอำนาจศาลตามวิ.แพ่ง มาตรา 32 - 33 เป็นคดีมีอัตราโทษไม่ถึงจำคุก 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงตามนั้นและพิพากษาได้ทีเดียวตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 176 ในกรณีเช่นนี้ ผู้ถูกลงโทษจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ศาลรื้อฟื้นข้อเท็จจริงของตนขึ้นพิจารณาใหม่ไม่ได้
of 68