คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ม. 65

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งยาเสพติดเพื่อเสพเอง ไม่ถือเป็น 'ผลิต' แต่มีโทษฐานครอบครองตามกฎหมาย
จำเลยซื้อเฮโรอีนหลอดใหญ่มาแบ่งบรรจุใส่หลอดกาแฟเล็กโดยมิได้กระทำเพื่อจำหน่าย การแบ่งบรรจุไว้เสพเองเท่ากับจำเลยมีไว้ในครอบครองเท่านั้น ไม่อาจถือว่าเป็นการผลิตตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และการมีไว้ในครอบครองเป็นการกระทำอย่างหนึ่งในความผิดฐานผลิต แม้โจทก์ไม่ได้ฟ้องในความผิดฐานมีไว้ในครอบครองก็ลงโทษในความผิดฐานนี้ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาการริบทรัพย์ในคดียาเสพติด: ผู้มีสิทธิร้องคัดค้านเท่านั้นจึงมีสิทธิอุทธรณ์
นาย อ. สามีจำเลยเป็นผู้ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลาง ตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามมาตรา 30 และ 31 แล้ว ผู้ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิพากษากลับหรือแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์ดังกล่าวก็คือนาย อ. เท่านั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ฎีกา แต่มิได้ร้องคัดค้านการขอให้ริบทรัพย์ของโจทก์ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมาตรา 30 วรรคสาม ระบุห้ามมิให้นำมาตรา 36 แห่งป.อ. มาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: ยาเสพติดและศุลกากร - ลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด
ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15,66 วรรคสองและฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15,65 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80ซึ่งเฮโรอีนของกลางถูกจับได้ที่ท่าอากาศยานเป็นจำนวนเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท และในขณะเดียวกันก็เป็นการพยายามนำของต้องห้ามโดยยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรออกนอกราชอาณาจักรอันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ด้วย แม้จะเป็นความผิดต่างพระราชบัญญัติกัน ก็ไม่เป็นการกระทำผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหาก คงรวมเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนาผลิตยาเสพติด: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ที่มิได้ว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีน และมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้แบ่งบรรจุเฮโรอีน การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานโจทก์ไม่มีโอกาสมองเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งบรรจุเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 1 คงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อเสพสถานเดียว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ และเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในความผิดร่วมกัน: การกระทำความผิดกรรมเดียวกัน แม้แบ่งหน้าที่ซุกซ่อนยาเสพติด
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนออกนอกประเทศ โดยจำเลยที่ 1พกติดตัวไป 3 ก้อน จำเลยที่ 2 พกติดตัวไป 9 ก้อน จำเลยทั้งสองนั่งรถแท็กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินลำเดียวกัน ทั้งสองคนถูกจับในเวลาไล่เลี่ยกันขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูกโจทก์ฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในกรรมนี้ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีร่วมกระทำผิด: การพิพากษาถึงที่สุดในคดีหนึ่งย่อมห้ามมิให้ฟ้องคดีซ้ำในความผิดเดียวกัน
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนจำนวนหนึ่งออกนอกประเทศ โดยแบ่งแยกกันซุกซ่อนตามร่างกายของจำเลยทั้งสองแล้วนั่งรถแท๊กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินลำเดียวกัน ถูกจับที่ท่าอากาศยานในเวลาไล่เลี่ยกันขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูกฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 อีกเป็นฟ้องซ้ำศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งบรรจุเฮโรอีนเข้าข่ายความผิดฐานผลิตตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนจากหลอดใหญ่ใส่หลอดกาแฟที่ตัดเป็นท่อนสั้นๆ เป็นการผลิตเฮโรอีนตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท กรณีครอบครองและพยายามส่งออกยาเสพติด การลงโทษและขอบเขตความผิด
จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามส่งออก นอก ราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนจำนวนเดียวกัน โดยเอาเฮโรอีน ของกลางบรรจุในกระป๋องสเปรย์ 2 กระป๋องใส่ไว้ใน กระเป๋าเดินทาง และในกระเป๋าเครื่องสำอางค์และถูกเจ้าพนักงาน จับได้ที่สนามบิน ในขณะที่จำเลยเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบิน ไปต่างประเทศ การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท
นอกจากเฮโรอีนจำนวนข้างต้น เจ้าพนักงานยังพบเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่ง ในกระป๋องสเปรย์ซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าสีเหลืองซึ่ง จำเลยฝากไว้กับ เจ้าหน้าที่โรงแรมก่อนที่จำเลยจะเดินทางมา ยังสนามบิน ซึ่งเฮโรอีนจำนวนนี้ ก็เป็นจำนวนเดียวกับที่ จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและถูกจับได้ ที่สนามบิน ตามที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง เป็นแต่เพียงจำเลยแยกเอาบางส่วนติดตัวไปส่วนที่เหลือฝากไว้ที่โรงแรมมิได้นำติดตัวไปเท่านั้น จึงไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอีก กรรมหนึ่งต่างหาก คงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย หลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท กรณีครอบครองและพยายามส่งออกเฮโรอีน การแยกพิจารณาเป็นกรรมใหม่ไม่ถูกต้อง
จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามส่งออก นอก ราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนจำนวนเดียวกันโดยเอาเฮโรอีน ของกลางบรรจุในกระป๋องสเปรย์ 2 กระป๋องใส่ไว้ใน กระเป๋าเดินทาง และในกระเป๋าเครื่องสำอางค์และถูกเจ้าพนักงาน จับได้ที่สนามบิน ในขณะที่จำเลยเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบิน ไปต่างประเทศการกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท นอกจากเฮโรอีนจำนวนข้างต้น เจ้าพนักงานยังพบเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่ง ในกระป๋องสเปรย์ซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าสีเหลืองซึ่ง จำเลยฝากไว้กับ เจ้าหน้าที่โรงแรมก่อนที่จำเลยจะเดินทางมา ยังสนามบินซึ่งเฮโรอีนจำนวนนี้ ก็เป็นจำนวนเดียวกับที่ จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและถูกจับได้ ที่สนามบิน ตามที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง เป็นแต่เพียงจำเลยแยกเอาบางส่วนติดตัวไปส่วนที่เหลือฝากไว้ที่โรงแรมมิได้นำติดตัวไปเท่านั้น จึงไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอีก กรรมหนึ่งต่างหาก คงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย หลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การครอบครองและพยายามส่งออกยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนจำนวนเดียวกัน จำเลยถูกจับพร้อมเฮโรอีนของกลางขณะจะขึ้นเครื่องบินไป ต่างประเทศถือว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลประการเดียว ที่จะนำเฮโรอีนดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแยกการกระทำของจำเลยเป็นสองตอนและ จำเลยให้การรับสารภาพก็ย่อมเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท
of 5