พบผลลัพธ์ทั้งหมด 313 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร, สิทธิของเจ้าของทรัพย์สินที่เสียภาษีถูกต้อง, และการติดตามเอาคืนจากผู้ซื้อโดยสุจริต
รถยนต์รายพิพาทผู้นำเข้าเสียอากรนำเข้าถูกต้องแล้ว โจทก์รับประกันภัยไว้ รถคันนี้ถูกคนร้ายลักไป โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วรับโอนไว้จากผู้เอาประกันภัย ซึ่งชำระค่าเช่าซื้อรถครบถ้วนแล้ว เจ้าพนักงานศุลกากรของจำเลยจับรถได้ หาว่านำเข้ามาโดยไม่เสียภาษีอากรแล้วขายต่อไป จำเลยสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่ตรวจสอบว่าเป็นรถที่เสียอากรแล้วหรือไม่ เป็นประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 25 ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2497 คำว่าสิ่งใด ๆ ที่พึงต้องริบ นำมาใช้แก่รถยนต์ที่เสียอากรแล้วไม่เป็นสิ่งที่พึงริบ ไม่ได้ แม้เกิน 30 วัน โจทก์ก็เรียกคืนได้ จำเลยซื้อรถโดยสุจริต แต่มิใช่จากการขายทอดตลาด ไม่มีสิทธิดีกว่าโจทก์
เอกสารภาพถ่ายหนังสือของสำนักงานทะเบียนว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลไม่มีเจ้าหน้าที่รับรองว่าถูกต้อง แต่มีพยานบุคคลเบิกความว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล
กรมธรรม์ประกันภัยมิได้ปิดอากรแสตมป์ แต่คดีนี้มิใช่กรณีบังคับระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย เป็นเรื่องผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิมาฟ้องคนภายนอก ไม่อยู่ในบังคับต้องมีเอกสารมาแสดงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 คำพยานบุคคลของโจทก์ฟังได้โดยไม่ต้องอาศัยเอกสาร
บริษัทเป็นผู้เอาประกันภัยโดยผู้เช่าซื้อรถเป็นผู้แทน แม้ไม่มีหนังสือตั้งตัวแทนตามมาตรา 798 แต่มิใช่เป็นคดีระหว่างบริษัทกับผู้ทำการแทนว่าผู้ทำการแทนเป็นตัวแทนนำรถยนต์ มาเอาประกันภัยกับโจทก์หรือไม่โจทก์ไม่ต้องมีเอกสารตั้งตัวแทนมาแสดง
ผู้เช่าซื้อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ได้กรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแล้วมอบสิทธิในรถยนต์แก่โจทก์ แม้กรรมการของโจทก์คนเดียวลงลายมือชื่อรับมอบรถ กรรมการไม่ครบ 2 คนตามข้อบังคับ และไม่ปิดอากรแสตมป์ในใบรับมอบรถ คำพยานบุคคลก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้รับรถเป็นของโจทก์แล้วและไม่ใช่คดีพิพาทกันตามสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่ต้องนำสัญญาเช่าซื้อมาแสดง
เอกสารภาพถ่ายหนังสือของสำนักงานทะเบียนว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลไม่มีเจ้าหน้าที่รับรองว่าถูกต้อง แต่มีพยานบุคคลเบิกความว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล
กรมธรรม์ประกันภัยมิได้ปิดอากรแสตมป์ แต่คดีนี้มิใช่กรณีบังคับระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย เป็นเรื่องผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิมาฟ้องคนภายนอก ไม่อยู่ในบังคับต้องมีเอกสารมาแสดงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 คำพยานบุคคลของโจทก์ฟังได้โดยไม่ต้องอาศัยเอกสาร
บริษัทเป็นผู้เอาประกันภัยโดยผู้เช่าซื้อรถเป็นผู้แทน แม้ไม่มีหนังสือตั้งตัวแทนตามมาตรา 798 แต่มิใช่เป็นคดีระหว่างบริษัทกับผู้ทำการแทนว่าผู้ทำการแทนเป็นตัวแทนนำรถยนต์ มาเอาประกันภัยกับโจทก์หรือไม่โจทก์ไม่ต้องมีเอกสารตั้งตัวแทนมาแสดง
ผู้เช่าซื้อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ได้กรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแล้วมอบสิทธิในรถยนต์แก่โจทก์ แม้กรรมการของโจทก์คนเดียวลงลายมือชื่อรับมอบรถ กรรมการไม่ครบ 2 คนตามข้อบังคับ และไม่ปิดอากรแสตมป์ในใบรับมอบรถ คำพยานบุคคลก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้รับรถเป็นของโจทก์แล้วและไม่ใช่คดีพิพาทกันตามสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่ต้องนำสัญญาเช่าซื้อมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการเชิดตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำฟ้องของโจทก์แม้มิได้บรรยายว่าใครเป็นตัวแทนหรือเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทนแต่โจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยกระทำการโดยตัวแทนผู้จัดการดำเนินกิจการของจำเลย เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นในการก่อสร้างที่จำเลยประมูลได้ย่อมเป็นฟ้องที่ชัดแจ้งซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวม ถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเองโดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จ้างเหมาว่าได้มอบให้ ส.ช่างประจำบริษัทจำเลยและฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้าง ถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ.,ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย. ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่า บุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวม ถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเองโดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จ้างเหมาว่าได้มอบให้ ส.ช่างประจำบริษัทจำเลยและฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้าง ถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ.,ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย. ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่า บุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการเชิดตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ
คำฟ้องของโจทก์แม้มิได้บรรยายว่าใครเป็นตัวแทนหรือเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทนแต่โจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยกระทำการโดยตัวแทนผู้จัดการดำเนินกิจการของจำเลย เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นในการก่อสร้างที่จำเลยประมูลได้ย่อมเป็นฟ้องที่ชัดแจ้งซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวมถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเอง โดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้รับเหมาว่าได้มอบให้ ส. ช่างประจำบริษัทจำเลย และ ฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้างถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ., ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่าบุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวมถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเอง โดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้รับเหมาว่าได้มอบให้ ส. ช่างประจำบริษัทจำเลย และ ฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้างถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ., ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่าบุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนทำสัญญาประกันภัย: จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยจริง แม้ใช้ชื่อผู้อื่น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์แต่ใส่ชื่อ ว. เป็นเจ้าของในทะเบียน และให้ ว. นำรถยนต์ไปประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการเชิด ว. ให้เป็นตัวแทนทำสัญญาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 และถือเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 เข้าทำสัญญานั้นกับจำเลยที่ 2 เองจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 จึงมีความผูกพันกันตามสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ประมาทขับรถยนต์คันดังกล่าวไปชนรถยนต์โจทก์เสียหายโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญานั้นได้ไม่ต้องวินิจฉัยว่าการเชิดออกเป็นตัวแทนเช่าซื้อรถยนต์ต้องทำเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่: หนังสือมอบอำนาจยังไม่สิ้นสุด แม้มีการถอนฟ้องคดีก่อนหน้า
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ อ.ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ในคดีหนึ่งไปครั้งหนึ่งแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิ อยู่ต่อไปชั่วเวลามีกำหนด โจทก์จึงถอนฟ้องอ้างว่ายังไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับจำเลย ต่อมา อ.ใช้หนังสือมอบอำนาจนั้นฟ้องจำเลยคดีนี้ เช่นนี้กิจการที่โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทยังไม่เสร็จสิ้นและโจทก์ยังมิได้ถอนหรือบอกเลิกการมอบอำนาจ อ.มีหน้าที่ฟ้องขับไล่จำเลยตามที่ได้รับมอบอำนาจ จึงใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2376-2389/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าโดยตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือแต่งตั้งตัวแทน
จำเลยเช่าแผงลอยและห้องเช่าจาก ช. ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์แม้การเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ขับไล่จำเลยได้ การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือเป็นข้อสำคัญเมื่อฟ้องให้ตัวการรับผิดตามสัญญาเช่าเท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือตั้งตัวแทนเมื่อตัวการฟ้องขับไล่ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อบ้านแทนโจทก์ด้วยวาจา: สิทธิเรียกร้องบ้านคืนได้หรือไม่
จำเลยซื้อบ้านแทนโจทก์ แม้ไม่มีหนังสือตั้งตัวแทน โจทก์ก็เรียกให้จำเลยโอนบ้านแก่โจทก์ได้มาตรา 798 ใช้สำหรับกิจการที่ตัวแทนทำกับคนภายนอก จะอ้างมาตรานี้ระหว่างตัวการตัวแทนด้วยกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ & อำนาจร้องทุกข์ของผู้อำนวยการนิติบุคคล: เพียงพอสมบูรณ์ตามกฎหมาย
แม้หนังสือที่ผู้มอบอำนาจมีไปถึงสารวัตรใหญ่ จะไม่เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจทำไว้กับผู้รับมอบอำนาจ แต่ก็เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจมีไปถึงพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งให้ทราบว่า ผู้มอบอำนาจขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจไปร้องทุกข์แทน เมื่อผู้รับมอบอำนาจนำหนังสือนั้นไปยื่นต่อพนักงานสอบสวนและร้องทุกข์แทนตามที่ได้รับมอบอำนาจมา หนังสือนี้ย่อมเพียงพอที่พนักงานสอบสวนจะยึดถือไว้เป็นหลักฐานในสำนวนว่า คดีมีการร้องทุกข์โดยผู้มีอำนาจแล้ว การที่หนังสือดังกล่าวระบุว่าใครเป็นผู้มอบอำนาจให้ใครมาร้องทุกข์เรื่องอะไร และมีลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจลงไว้ ถือได้ว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์อันชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้ผู้รับมอบอำนาจจะมิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจไว้ในหนังสือด้วยก็ไม่ทำให้การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1058/2520)
การร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของนิติบุคคลเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยทั่วไป ของผู้ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลทั้งหลายจะพึงกระทำในทางปกป้องรักษาผลประโยชน์ของนิติบุคคล ไม่จำต้องกำหนดเป็นนโยบายหรือตราเป็นข้อบังคับไว้จึงจะมีอำนาจทำได้
ตำแหน่งผู้อำนายการของนิติบุคคล ถือได้วาเป็น "ผู้แทนอื่น" ตามความหมายของมาตรา 5 (3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเป็นผู้มีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคลและมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้
การร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของนิติบุคคลเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยทั่วไป ของผู้ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลทั้งหลายจะพึงกระทำในทางปกป้องรักษาผลประโยชน์ของนิติบุคคล ไม่จำต้องกำหนดเป็นนโยบายหรือตราเป็นข้อบังคับไว้จึงจะมีอำนาจทำได้
ตำแหน่งผู้อำนายการของนิติบุคคล ถือได้วาเป็น "ผู้แทนอื่น" ตามความหมายของมาตรา 5 (3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเป็นผู้มีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคลและมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ & อำนาจร้องทุกข์ของผู้อำนวยการนิติบุคคล: เพียงพอ & ชอบด้วยกม.
แม้หนังสือที่ผู้มอบอำนาจมีไปถึงสารวัตรใหญ่ จะไม่เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจทำไว้กับผู้รับมอบอำนาจ แต่ก็เป็นหนังสือซึ่งผู้มอบอำนาจมีไปถึงพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าผู้มอบอำนาจขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจไปร้องทุกข์แทน เมื่อผู้รับมอบอำนาจนำหนังสือนั้นไปยื่นต่อพนักงานสอบสวนและร้องทุกข์แทนตามที่ได้รับมอบอำนาจมาหนังสือนี้ย่อมเพียงพอที่พนักงานสอบสวนจะยึดถือไว้เป็นหลักฐานในสำนวนว่าคดีมีการร้องทุกข์โดยผู้มีอำนาจแล้ว การที่หนังสือดังกล่าวระบุว่าใครเป็นผู้มอบอำนาจให้ใครมาร้องทุกข์เรื่องอะไร และมีลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจลงไว้ ถือได้ว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์อันชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้ผู้รับมอบอำนาจจะมิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจไว้ในหนังสือด้วยก็ไม่ทำให้การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1058/2520)
การร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของนิติบุคคล เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยทั่วไปของผู้ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลทั้งหลาย จะพึงกระทำในทางปกป้องรักษาผลประโยชน์ของนิติบุคคล ไม่จำต้องกำหนดเป็นนโยบายหรือตราเป็นข้อบังคับไว้จึงจะมีอำนาจทำได้
ตำแหน่งผู้อำนวยการของนิติบุคคล ถือได้ว่าเป็น "ผู้แทนอื่น" ตามความหมายของมาตรา 5(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเป็นผู้มีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคล และมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้
การร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของนิติบุคคล เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยทั่วไปของผู้ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลทั้งหลาย จะพึงกระทำในทางปกป้องรักษาผลประโยชน์ของนิติบุคคล ไม่จำต้องกำหนดเป็นนโยบายหรือตราเป็นข้อบังคับไว้จึงจะมีอำนาจทำได้
ตำแหน่งผู้อำนวยการของนิติบุคคล ถือได้ว่าเป็น "ผู้แทนอื่น" ตามความหมายของมาตรา 5(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเป็นผู้มีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคล และมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189-1193/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ และการทำสัญญาแทนผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ดังนั้น การตั้งตัวแทนเพื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 วรรคสองจึงจะมีผลผูกพันตัวการ
บิดาของผู้เยาว์ถูกทำละเมิดถึงแก่ความตาย ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรต้องเสียค่าทำศพไป จึงมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิด ถือว่าผู้เยาว์ได้มาซึ่งทรัพย์สินอย่างหนึ่ง หากมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยผู้ใช้อำนาจปกครองจะต้องทำสัญญาแทนผู้เยาว์ผู้ใช้อำนาจปกครองก็จะต้องขออนุญาตศาลก่อน เพราะเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินของเด็ก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4)
บิดาของผู้เยาว์ถูกทำละเมิดถึงแก่ความตาย ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรต้องเสียค่าทำศพไป จึงมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิด ถือว่าผู้เยาว์ได้มาซึ่งทรัพย์สินอย่างหนึ่ง หากมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยผู้ใช้อำนาจปกครองจะต้องทำสัญญาแทนผู้เยาว์ผู้ใช้อำนาจปกครองก็จะต้องขออนุญาตศาลก่อน เพราะเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินของเด็ก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4)