พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง สัญญาเช่าแปลงเป็นสัญญากู้ เงินกู้ไม่เข้าจริง สัญญาเป็นโมฆะ
คำพยานโจทก์ขัดต่อเหตุผลและตามคำพยานจำเลยฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญากู้ไว้แทนการเช่า โดยจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญาเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ย่อมบังคับตามสัญญากู้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยให้การรับหนี้จำนวนหนึ่ง แม้โจทก์นำสืบจำนวนหนี้ไม่ชัดเจน ศาลตัดสินตามที่จำเลยรับ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินตามที่โจทก์ฟ้องจริง แต่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปแล้วบางส่วน ยังคงค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดังนี้แม้โจทก์นำสืบไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียงไร แต่เมื่อจำเลยให้การรับเช่นนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้หนี้ตามจำนวนเงินที่จำเลยให้การรับดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากที่ได้ให้การและนำสืบต่อสู้ ทั้งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากที่ได้ให้การและนำสืบต่อสู้ ทั้งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยให้การรับหนี้บางส่วน ศาลพิจารณาจากจำนวนที่รับสารภาพ แม้โจทก์พิสูจน์ไม่ได้ความชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินตามที่โจทก์ฟ้องจริง แต่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปแล้วบางส่วน ยังคงค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดังนี้แม้โจทก์นำสืบไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียงไร แต่เมื่อจำเลยให้การรับเช่นนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้หนี้ตามจำนวนเงินที่จำเลยให้การรับดังกล่าวแก่โจทก์ จำเลยฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากที่ได้ให้การและนำสืบต่อสู้ทั้งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เช็ค: การยอมรับหนี้และตัวแทนทางกฎหมาย
การที่ปรากฏในบัญชีเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ทำไว้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คนั้น เป็นแต่เพียงหลักฐานที่ลูกหนี้ทำไว้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของตน มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ และยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นต่อเจ้าหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 ส่วนการที่เจ้าหนี้ได้นำเช็คไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อบริษัท ส. เมื่อได้ความว่าบริษัท ส. ไม่ได้เป็นตัวแทนของลูกหนี้ กรณีจึงมิใช่เป็นการกระทำของลูกหนี้อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เช็ค: การรับสภาพหนี้และเจตนาของตัวแทนลูกหนี้
การที่ปรากฏในบัญชีเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ทำไว้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คนั้น เป็นแต่เพียงหลักฐานที่ลูกหนี้ทำไว้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของตน มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ และยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นต่อเจ้าหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172ส่วนการที่เจ้าหนี้ได้นำเช็คไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อบริษัท ส.เมื่อได้ความว่าบริษัทส. ไม่ได้เป็นตัวแทนของลูกหนี้ กรณีจึงมิใช่เป็นการกระทำของลูกหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เช็ค: การแสดงเจตนาในบัญชีและการเปลี่ยนตั๋วไม่ทำให้สะดุดหยุด
การที่ปรากฏในบัญชีเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ทำไว้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คนั้น เป็นแต่เพียงหลักฐานที่ลูกหนี้ทำไว้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของตน มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ และยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นต่อเจ้าหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 ส่วนการที่เจ้าหนี้ได้นำเช็คไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อบริษัท ส. เมื่อได้ความว่า บริษัท ส. ไม่ได้เป็นตัวแทนของลูกหนี้ กรณีจึงมิใช่เป็นการกระทำของลูกหนี้อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จากการซื้อขายรถยนต์และการกู้ยืมเงิน การบังคับตามสัญญากู้และการพิพากษาค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และทำสัญญากู้ตามฟ้อง มูลหนี้จะเป็นการกู้ยืมเงินสดหรือเงินที่ค้างชำระในการซื้อขายรถยนต์ก็เป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้นั้นได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง ดอกเบี้ยก่อนทำสัญญากู้ที่ตกลงกันให้คิดจากค่างวดที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้นมีลักษณะเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสองนั้นหมายถึงต้นเงิน ไม่หมายความถึงดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ โจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ ทั้งมิได้มีคำขอมาในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ได้ เพราะการที่ศาลจะให้ฝ่ายใดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และแม้คู่ความอีกฝ่ายจะมิได้ขอ ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้มีมูลหนี้จากการซื้อขายรถยนต์ และการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และทำสัญญากู้ตามฟ้อง มูลหนี้จะเป็นการกู้ยืมเงินสดหรือเงินที่ค้างชำระในการซื้อขายรถยนต์ก็เป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้นั้นได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
ดอกเบี้ยก่อนทำสัญญากู้ที่ตกลงกันให้คิดจากค่างวดที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้น มีลักษณะเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญ้ติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ
การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653วรรคสองนั้นหมายถึงต้นเงินไม่หมายรวมถึงดอกเบี้ย
การที่ศาลจะให้ฝ่ายใดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และแม้คู่ความอีกฝ่ายจะมิได้ขอ ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ดอกเบี้ยก่อนทำสัญญากู้ที่ตกลงกันให้คิดจากค่างวดที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้น มีลักษณะเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญ้ติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ
การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653วรรคสองนั้นหมายถึงต้นเงินไม่หมายรวมถึงดอกเบี้ย
การที่ศาลจะให้ฝ่ายใดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และแม้คู่ความอีกฝ่ายจะมิได้ขอ ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: เหตุผลที่ไม่รับฟ้องแย้งในคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามสัญญากู้ยืม จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กู้และฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระเงินที่จำเลยมอบให้โจทก์เป็นค่าติดต่อส่งคนไปทำงานต่างประเทศคืน โดยขอนำเงินดังกล่าวหักออกจากสัญญากู้ยืม ดังนี้ ฟ้องแย้งจึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน และไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลรับพิจารณาเฉพาะฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตาม สัญญายืม จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กู้และฟ้องแย้ง ขอให้โจทก์ชำระเงินที่จำเลยมอบให้โจทก์เป็นค่าติดต่อ ส่งคนไปทำงานต่างประเทศคืน โดย ขอนำเงินดังกล่าวหักออกจากสัญญากู้ยืม ดังนี้ ฟ้องแย้งจึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน และไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอันศาลจะรับไว้พิจารณา.