พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้แม้ไม่มีตราบริษัท แต่ผู้กู้ลงลายมือชื่อแล้ว ถือเป็นหลักฐานฟ้องร้องได้
จำเลยได้กู้เงินของบริษัทโจทก์ไปจริงตามสัญญากู้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระเงินที่กู้ไปให้แก่โจทก์ จำเลยจะโต้แย้งว่าบริษัทโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้พนักงานกู้เงินไปซื้อบ้าน ไม่มีอำนาจฟ้องร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามที่กู้ไปนั้นไม่ได้ แม้สัญญากู้จะมีกรรมการของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นผู้ให้กู้แต่เพียงคนเดียวและไม่ได้ประทับตราสำคัญของบริษัทด้วยก็ตาม แต่หนังสือสัญญากู้ฉบับนี้จำเลยก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ไว้เป็นหลักฐานแล้วโจทก์จึงนำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ต้นเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2917/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่สมบูรณ์ แม้ไม่กรอกรายละเอียดครบถ้วน หากมีเจตนาทำสัญญาและมอบให้แก่เจ้าหนี้
จำเลยเป็นคนเขียนกรอกข้อความในสัญญากู้เองอ่านแล้วได้ความว่าจำเลยได้กู้เงินไป 50,000 บาท แล้วลงลายมือชื่อของจำเลยในช่องผู้กู้ เป็นสัญญากู้เงินที่สมบูรณ์ แม้จำเลยจะมิได้กรอกข้อความในช่องว่างที่ว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้ไว้แก่โจทก์ จำเลยก็มอบสัญญานี้แก่โจทก์ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยได้กู้เงินของโจทก์ไปและทำหลักฐานการกู้ไว้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปลอมแต่มีผลผูกพันบางส่วน: ศาลใช้สัญญาเดิมก่อนแก้ไขเป็นหลัก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ 2,000 บาท จำเลยให้การว่าความจริงจำเลยกู้เพียง 1,000 บาท ได้ลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์ซึ่งได้ลงจำนวนเงินไว้แล้ว แต่ไม่กรอกข้อความ จำนวนเงินในสัญญากู้ได้มีการแก้ไขจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม ดังนี้ แม้เอกสารสัญญากู้ได้ถูกแก้และเป็นเอกสารปลอม แต่ก่อนมีการแก้เอกสารนี้เป็นเอกสารที่สมบูรณ์ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,000 บาท ตามสัญญาที่ทำไว้เดิมก่อนมีการแก้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกา 761/2509 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้โดยการลงลายมือชื่อรับเงินภายหลัง ทำให้เอกสารมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
เอกสารลงวันที่ 4 มกราคม 2521 ซึ่งจำเลยเขียนให้โจทก์ภายหลังทำเอกสารสัญญากู้หมาย จ.1- จ.5 มีใจความว่าจำเลยค้างเงินโจทก์เป็นเงิน 3,732 บาท ไม่คิดดอกเบี้ย จะชำระให้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2521 และลงลายมือชื่อจำเลยฝ่ายเดียว ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2521จำเลยชำระเงินรายนี้ให้โจทก์ 1,000 บาท โจทก์ลงลายมือชื่อรับเงินไว้ใกล้ ๆ กับข้อความที่จำเลยเขียนให้ไว้เดิม ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับความถูกต้องของข้อความในเอกสารทั้งหมด จึงเป็นหลักฐานการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารกู้ยืมเงินต้องมีลายมือชื่อผู้ยืมจึงมีผลผูกพันทางกฎหมาย
แม้จำเลยจะเขียนชื่อจำเลยไว้ที่หัวกระดาษถัดลงมามีข้อความแสดงการยืมเงินรายการแสดงการชำระหนี้หลายครั้งและมีรายการแสดงยอดเงินคงเหลือ แต่ไม่มีลายมือชื่อจำเลยถือไม่ได้ว่าชื่อจำเลยที่เขียนไว้ที่หัวกระดาษเป็นการลงลายมือชื่อเอกสารดังกล่าวจึงมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรกโจทก์จะอาศัยเอกสารดังกล่าวฟ้องร้องบังคับให้จำเลยรับผิดใช้เงินยืมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้และสัญญาค้ำประกัน: อำนาจฟ้องจำเลยผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
แม้เงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไปจากโจทก์จะเป็นเงินของภริยาโจทก์แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้ให้ไว้กับโจทก์ผู้ให้กู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันให้ไว้กับโจทก์เจ้าหนี้ จำเลยทั้งสองจึงต้องผูกพันตามสัญญาดังกล่าว โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ปลอมเป็นหลักฐานการกู้ยืมไม่ได้ ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
จำเลยกู้เงินไป 8,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้โดยมิได้กรอกข้อความอื่นในสัญญากู้ ต่อมาโจทก์จึงกรอกข้อความในสัญญากู้และเขียนจำนวนเงินที่กู้เป็น 80,000 บาท แล้วฟ้องเรียกเงินจากจำเลย สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจแสดงสิทธิจากเอกสารปลอมได้ ถือได้ว่าการกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานเพิ่มเติม: โจทก์ต้องนำสืบประเด็นสำคัญตั้งแต่ต้น หากละเลย ศาลไม่อนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีทั้งชื่อไทยและจีน ได้กู้เงินโจทก์ที่ฮ่องกงทำหลักฐานการกู้และลงลายมือชื่อไว้เป็นภาษาจีน จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ที่ฮ่องกง หลักฐานการกู้โจทก์ปลอมแปลงขึ้น ลายเซ็นชื่อในเอกสารไม่ใช่ลายมือขื่อของจำเลย ดังนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นาสืบว่าชื่อในหลักฐานการกู้เป็นชื่อของจำเลยและไม่ปลอม ทั้งขณะที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์นั้น จำเลยอยู่และหาหลักฐานให้โจทก์ที่ฮ่องกง ต่อเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว ระหว่างการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงเพิ่งยื่นคำร้องว่าที่จำเลยเบิกความว่าอ่านเขียนภาษาจีนไม่เป็น ไม่ได้ขื่อภาษาจีน ไม่ได้ไปฮ่องกงในปีที่ลงในสัญญากู้นั้น โจทก์สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบ สนับสนุนข้ออ้างของตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 120 แต่ปรากฏว่าในชั้นที่โจทก์นำสืบ โจทก์ได้อ้างพยานหลักฐานดังกล่าวไว้ในบัญชีระบุพยาน แสดงว่าโจทก์รู้อยู่แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะนำสืบพิสูจน์ข้ออ้างดังกล่าวอันอยู่ในประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบมาแต่ต้นแล้ว แต่ในการนำสืบของโจทก์ โจทก์ก็มิได้แสดงหลักฐานเหล่านี้ต่อศาล ตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างและขอนำสืบพยานเพื่อเพิ่มเติมคดีของโจทก์ กรณีเช่นนี้จะอ้างว่าโจทก์ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้าถึงข้อนำสืบของจำเลยหาได้ไม่ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องดังกล่าของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานเพิ่มเติมต้องทำในโอกาสที่เหมาะสม หากโจทก์ละเลยการนำสืบพยานหลักฐานแต่แรก ศาลย่อมไม่อนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีทั้งชื่อไทยและจีนได้กู้เงินโจทก์ที่ฮ่องกงทำหลักฐานการกู้และลงลายมือชื่อไว้เป็นภาษาจีนจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ที่ฮ่องกงหลักฐานการกู้โจทก์ปลอมแปลงขึ้นลายเซ็นชื่อในเอกสารไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยดังนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบว่าชื่อในหลักฐานการกู้เป็นชื่อของจำเลยและไม่ปลอมทั้งขณะที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์นั้น จำเลยอยู่และทำหลักฐานให้โจทก์ที่ฮ่องกงต่อเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วระหว่างการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงเพิ่งยื่นคำร้องว่าที่จำเลยเบิกความว่าอ่านเขียนภาษาจีนไม่เป็น ไม่ได้ชื่อภาษาจีนไม่ได้ไปฮ่องกงใน ปีที่ลงในสัญญากู้นั้นโจทก์สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 120 แต่ปรากฏว่าในชั้นที่โจทก์นำสืบ โจทก์ได้อ้างพยานหลักฐานดังกล่าวไว้ในบัญชีระบุพยานแสดงว่าโจทก์รู้อยู่แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะนำสืบพิสูจน์ข้ออ้างดังกล่าวอันอยู่ในประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบมาแต่ต้นแล้วแต่ในการนำสืบของโจทก์ โจทก์ก็มิได้แสดงหลักฐานเหล่านี้ต่อศาล ตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างและขอนำสืบพยานเพื่อเพิ่มเติมคดีของโจทก์กรณีเช่นนี้จะอ้างว่าโจทก์ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้าถึงข้อนำสืบของจำเลยหาได้ไม่ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องดังกล่าวของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2070/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดตามเช็ค: ผู้ลงลายมือชื่อเท่านั้นที่ต้องรับผิด แม้มีอำนาจสั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาท 3 ฉบับที่ภริยาจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ กรณีต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยใช้เช็คแทนเงินจึงเกิดความผูกพันระหว่างกันในลักษณะตั๋วเงินตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งมีผลว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่าเช็คพิพาททั้ง 3 ฉบับเป็นของจำเลยซึ่งขอเปิดบัญชีไว้กับธนาคารและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดตามฟ้องด้วย
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งมีผลว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่าเช็คพิพาททั้ง 3 ฉบับเป็นของจำเลยซึ่งขอเปิดบัญชีไว้กับธนาคารและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดตามฟ้องด้วย