คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 653

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานการชำระหนี้ในคดีแพ่งไม่ได้ แม้จะเป็นใบรับเงิน
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่ว่า 'ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ฯลฯ' มิได้หมายเฉพาะตราสารที่อ้างอิงเพื่อเรียกร้องหนี้สินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเอกสารที่แสดงว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเช่นใบรับเงินด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานทางแพ่งไม่ได้ แม้เป็นหลักฐานการชำระหนี้
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่ว่า "ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้น เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ฯลฯ" มิได้หมายเฉพาะตราสารที่อ้างอิงเพื่อเรียกร้องหนี้สินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเอกสารที่แสดงว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเช่นใบรับเงินด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิสูจน์ลายมือชื่อ: ความเห็นผู้เชี่ยวชาญถือเป็นการยอมรับตามคำท้า แม้ไม่ฟันธง 100%
ท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายเซ็นในสัญญากู้เป็นลายเซ็นของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ โจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าได้ตรวจลายเซ็นผู้กู้ในสัญญากู้ เปรียบเทียบกับตัวอย่างลายเซ็นของจำเลยแล้ว เห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ เท่ากับมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นของจำเลยจริงตรงตามคำท้าแล้วไม่ใช่ว่ายังไม่แน่ใจ
ในคดีแพ่งผู้เชี่ยวชาญจะแสดงความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียวก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าทางศาล: ความเห็นผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อ ถือเป็นไปตามคำท้า แม้ไม่ฟันธง
ท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายเซ็นในสัญญากู้เป็นลายเซ็นของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ โจทก์ยอมแพ้เมื่อผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าได้ตรวจลายเซ็นผู้กู้ในสัญญากู้ เปรียบเทียบกับตัวอย่างลายเซ็นของจำเลยแล้ว เห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ เท่ากับมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นของจำเลยจริงตรงตามคำท้าแล้ว ไม่ใช่ว่ายังไม่แน่ใจ
ในคดีแพ่ง ผู้เชี่ยวชาญจะแสดงความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียวก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้กู้และผู้ค้ำประกัน แม้หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ หากผู้กู้ผิดนัด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ให้การว่า จะได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันหรือเปล่าจำไม่ได้สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่รับรองและไม่ยืนยันถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีข้อต่อสู้ และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
กู้เงินโจทก์โดยสัญญาจะชำระดอกเบี้ยให้ทุกเดือน แต่มิได้ชำระให้โจทก์ทวงถาม ก็ไม่ชำระ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดนัด เมื่อมีสัญญาระบุว่าถ้าผู้กู้ประพฤติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดยอมให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยได้โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้กู้ให้ชำระหนี้ได้แม้เงินต้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ และเมื่อผู้กู้ผิดนัด โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกัน ผู้กู้ผิดนัด เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ได้แม้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ให้การว่าจะได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันหรือเปล่าจำไม่ได้สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่รับรองและไม่ยืนยันถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีข้อต่อสู้ และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
กู้เงินโจทก์โดยสัญญาจะชำระดอกเบี้ยให้ทุกเดือน แต่มิได้ชำระให้โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดนัด เมื่อมีสัญญาระบุว่าถ้าผู้กู้ประพฤติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดยอมให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยได้โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้กู้ให้ชำระหนี้ได้แม้เงินต้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ และเมื่อผู้กู้ผิดนัด โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวนดังนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสารเป็นการพิจารณาผิดระเบียบจำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบและก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นเอกสารสัญญาในศาล: การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน และผลกระทบต่อการคัดค้าน
โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวน ดังนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสาร เป็นการพิจารณาผิดระเบียบจำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบ และก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและการนำสืบข้อเท็จจริงตามมาตรา 653
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 เป็นบทบังคับเด็ดขาด ฉะนั้น จำเลยจึงนำสืบว่าจำเลยได้ใช้เงินให้โจทก์แล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือได้เวนคืนเอกสารหรือแทงเพิกถอนเอกสารนั้นแล้วมิได้
เพียงเอาโฉนดที่ดินมาให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ตามสัญญากู้ มิใช่หนี้ที่มีประกันตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้และการนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่มีประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง เป็นบทบังคับเด็ดขาด. ฉะนั้น จำเลยจึงนำสืบว่าจำเลยได้ใช้เงินให้โจทก์แล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือได้เวนคืนเอกสารหรือแทงเพิกถอนเอกสารนั้นแล้วมิได้.
เพียงเอาโฉนดที่ดินมาให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ตามสัญญากู้มิใช่หนี้ที่มีประกันตามกฎหมาย.
of 110