พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้และการกำหนดเวลาชำระหนี้ที่ไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นตราสารหนี้ที่ต้องปิดอากรแสตมป์
จำเลยทำหลักฐานเป็นรูปจดหมายให้ไว้แก่โจทก์ขอรับรองและขอบคุณโจทก์สำหรับเงินกู้ที่โจทก์ให้จำเลยกู้ จึงเป็นเพียงหนังสือรับสภาพว่าเป็นเงินที่โจทก์ให้จำเลยยืม อันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อย่างหนึ่งเท่านั้น หาใช่เป็นลักษณะแห่งตราสารการกู้ยืมเงินอันจะพึงต้องปิดอากรแสตมป์ไม่ (อ้างฎีกาที่ 531/2505)
การที่ในจดหมายของบริษัทจำเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ขึ้นเองว่า จะชำระให้แก่โจทก์ต่อเมื่อการขายผลิตผลของตนมีผลพอเพียงที่จะชำระหนี้ได้นั้น ไม่มีระยะเวลาชำระหนี้ที่ได้กำหนดลงไว้ ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ว่าเมื่อใดบริษัทจำเลยจึงจะขายผลิตผลได้พอเพียงที่จะชำระหนี้ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ยากจะมองเห็นผลสำเร็จได้ว่าต้องกินเวลาช้านานเพียงใด การชำระเงินคืนให้โจทก์ที่บริษัทจำเลยทำให้นั้นเท่ากับไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ลงไว้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดทุนก็ไม่สามารถจะยกเอาเหตุนี้มาปัดความรับผิดต่อโจทก์ได้.
การที่ในจดหมายของบริษัทจำเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ขึ้นเองว่า จะชำระให้แก่โจทก์ต่อเมื่อการขายผลิตผลของตนมีผลพอเพียงที่จะชำระหนี้ได้นั้น ไม่มีระยะเวลาชำระหนี้ที่ได้กำหนดลงไว้ ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ว่าเมื่อใดบริษัทจำเลยจึงจะขายผลิตผลได้พอเพียงที่จะชำระหนี้ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ยากจะมองเห็นผลสำเร็จได้ว่าต้องกินเวลาช้านานเพียงใด การชำระเงินคืนให้โจทก์ที่บริษัทจำเลยทำให้นั้นเท่ากับไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ลงไว้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขาดทุนก็ไม่สามารถจะยกเอาเหตุนี้มาปัดความรับผิดต่อโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: จำเลยยกเหตุใหม่ในชั้นฎีกาเข้าข่ายปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้คืน จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ต่อสู้แต่ว่ากู้เพียง 3,000 บาทที่เขียนสัญญาเป็น 3,200 บาท โดยโจทก์คิดเอาดอกเบี้ยรวมเข้าไปด้วยแต่ในชั้นฎีกาจำเลยกลับฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้มอบทรัพย์สินที่กู้ยืม สัญญากู้จึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมาย ฯลฯ เป็นโมฆะเป็นฎีกาที่จำเลยตั้งข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ให้เข้าข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: จำเลยยกเหตุข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกาขัดกับหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้คืน จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ ต่อสู้แต่ว่ากู้เพียง 3,000 บาท ที่เขียนสัญญาเป็น 3,200 บาท โดยโจทก์คิดเอาดอกเบี้ยรวมเข้าไปด้วย แต่ในชั้นฎีกาจำเลยกลับฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้มอบทรัพย์สินที่กู้ยืม สัญญากู้จึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมาย ฯลฯ เป็นโมฆะ เป็นฎีกาที่จำเลยตั้งข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ให้เข้าข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631-1634/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นแชร์เปียหวยเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ แม้ไม่ใช่การกู้ยืมและไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
การเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นการกู้ยืม แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องกันได้ การประมูลให้ดอกเบี้ยกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ดอกเบี้ยในการกู้ยืม เป็นลักษณะการประมูลว่าใครจะให้ประโยชน์สูงกว่ากันเท่านั้น มิได้กำหนดอัตราให้เรียกร้องกันได้อย่างใด จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654
การเล่นแชร์เปียหวยเกิดขึ้นจากความตกลงกันในระหว่างผู้เล่น จึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามก็ใช้บังคับได้ แม้จะไม่เป็นการกู้ยืม จำเลยก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยได้ทรัพย์ไปโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีไม่เป็นลาภมิควรได้ (อ้างฎีกาที่ 629/2486)
การเล่นแชร์เปียหวยเกิดขึ้นจากความตกลงกันในระหว่างผู้เล่น จึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามก็ใช้บังคับได้ แม้จะไม่เป็นการกู้ยืม จำเลยก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยได้ทรัพย์ไปโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีไม่เป็นลาภมิควรได้ (อ้างฎีกาที่ 629/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631-1634/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นการกู้ยืม สัญญาใช้บังคับได้ ไม่ขาดอายุความ
การเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นการกู้ยืม แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องกันได้ การประมูลให้ดอกเบี้ยกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ดอกเบี้ยในการกู้ยืม เป็นลักษณะการประมูลว่าใครจะให้ประโยชน์สูงกว่ากันเท่านั้น มิได้กำหนดอัตราให้เรียกร้องกันได้อย่างไร จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654
การเล่นแชร์เปียหวยเกิดขึ้นจากความตกลงกันในระหว่างผู้เล่น จึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามก็ใช้บังคับได้ แม้จะไม่เป็นการกู้ยืม จำเลยก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยได้ทรัพย์ไปโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีไม่เป็นลาภมิควรได้ (อ้างฎีกาที่ 629/2486)
การเล่นแชร์เปียหวยเกิดขึ้นจากความตกลงกันในระหว่างผู้เล่น จึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายห้ามก็ใช้บังคับได้ แม้จะไม่เป็นการกู้ยืม จำเลยก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยได้ทรัพย์ไปโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีไม่เป็นลาภมิควรได้ (อ้างฎีกาที่ 629/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินที่ได้มาจากการจัดสรร โดยผู้รับโอนรู้ว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทผู้ล้มละลาย
การที่บริษัทจำเลยผู้ล้มละลายใช้วิธีลงชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินที่ผู้ล้มละลายซื้อมา เพื่อจัดสรรแบ่งขายต่อไป เมื่อพฤติการณ์ทั้งหลายส่อแสดงว่าผู้คัดค้านรับโอนที่ดินดังกล่าวไว้โดยรู้ดีว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทผู้ล้มละลาย มิใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของลูกหนี้ของตนแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลายย่อมขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนขายที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินที่ได้มาจากการจัดสรรของผู้ล้มละลาย โดยผู้รับโอนทราบว่าเป็นทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย
การที่บริษัทจำกัดผู้ล้มละลายใช้วิธีลงชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินที่ผู้ล้มละลายซื้อมาเพื่อจัดสรรแบ่งขายตอ่ไป เมื่อพฤติการณ์ทั้งหลายส่อแสดงว่าผู้คัดค้านรับโอนที่ดินดังกล่าวไว้โดยรู้ดีว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทผู้ล้มละลาย มิใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของลูกหนี้ของตนแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลายย่อมขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนขายที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการยอมรับสัญญากู้ และหน้าที่การนำสืบของผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากัน โจทก์วางเงินมัดจำไว้และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกัน และเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ตอ้งนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการกระทำที่แสดงเจตนาชัดเจน และหน้าที่นำสืบของผู้กล่าวอ้าง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากันโจทก์วางเงินมัดจำไว้ และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกันและเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใดถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญากู้ปลอม การหักล้างด้วยพยานบุคคล และความรับผิดของคู่สมรสที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉย ๆ และกู้เงินเพียง 200 บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุงและเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม กันสามี
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุงและเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม กันสามี