คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 653

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกแทนเงิน และการระงับหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321
จำเลยให้การรับว่า ได้ทำสัญญายืมเงิน โจทก์จริง แต่โจทก์ได้ยอมรับชำระหนี้ ด้วยข้าวเปลือก แทนเงินตามสัญญายืม ดังนี้ หนี้เป็นอันระงับสิ้นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 จำเลยย่อมสืบได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 653 วรรค 2 (อ้างฎีกาที่ 905/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกแทนเงิน และผลของการระงับหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321
จำเลยให้การรับว่า ได้ทำสัญญายืมเงินโจทก์จริง แต่โจทก์ได้ยอมรับชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกแทนเงินตามสัญญายืม ดังนี้ หนี้เป็นอันระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 จำเลยย่อมสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 653 วรรคสอง (อ้างฎีกาที่ 905/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีโดยจำเลยที่ยกเหตุผลเรื่องเอกสารไม่สมบูรณ์ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ในชั้นศาลชั้นต้น จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่ได้กู้ โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดง มิได้ต่อสู้ไว้เลยว่าสัญญากู้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และเพิ่งจะมายกขึ้นเป็นข้อฎีกาเท่านั้น ไม่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีและการยกข้อกฎหมายที่ไม่เคยถูกยกขึ้นในชั้นศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ ในชั้นศาลชั้นต้น จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่ได้กู้ โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดง มิได้ต่อสู้ไว้เลยว่าสัญญากู้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และเพิ่งจะมายกขึ้นเป็นข้อฎีกาเท่านั้นไม่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฟ้องที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้และศาลพิพากษาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จริงดังฟ้อง. พิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องคดีหลังจำเลยมาฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญากู้และคำพิพากษาดังกล่าวโดยอ้างว่าสัญญากู้นั้นปลอมคำฟ้องในคดีหลังเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ไม่ได้กู้เงินของจำเลยดังที่จำเลยในคดีหลังฟ้องโจทก์ในคดีก่อนนั่นเอง คดีก่อนและคดีหลังจึงมีประเด็นข้อใหญ่อย่างเดียวกันว่าโจทก์นี้ได้กู้เงินจำเลยไปจริงตามหนังสือสัญญากู้ในคดีก่อนหรือไม่ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อนแล้วฉะนั้น ฟ้องของโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นการฟ้องร้องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 แม้ในคดีหลังโจทก์จะกล่าวอ้างว่าไม่ได้กู้เงินจากจำเลยเพราะเหตุอื่นใดก็เป็นแต่เพียงรายละเอียดของประเด็นข้อใหญ่ที่กล่าวแล้วจึงไม่ทำให้โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้และศาลพิพากษาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จริงดังฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้อง คดีหลังจำเลยมาฟ้องขอให้เลิกถอนหนังสือสัญญากู้และคำพิพากษาดดังกล่าว โดยอ้างว่าสัญญากู้นั้นปลอม คำฟ้องในคดีหลังเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ไม่ได้กู้เงินของจำเลยดังที่จำเลยในคดีหลังฟ้องโจทก์ในคดีก่อนนั่นเอง คดีก่อนและคดีหลังจึงมีประเด็นข้อใหญ่อย่างเดียวกัน ว่าโจทก์นี้ได้กู้เงินจำเลยไปจริงตามหนังสือสัญญากู้ในคดีก่อนหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อนแล้ว ฉะนั้นฟ้องของโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นการฟ้องร้องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ต้องตามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 แม้ในคดีหลังโจทก์จะกล่าวอ้างไม่ได้กู้เงินจากจำเลยเพราะเหตุอื่นใด ก็เป็นแต่เพียงรายละเอียดของประเด็นข้อใหญ่ที่กล่าวแล้ว จึงไม่ทำให้โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงิน - หลักฐานการกู้ - ผู้ค้ำประกัน - ความรับผิดของผู้กู้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินกู้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้อย่างใด โจทก์ย่อมจะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานผู้กู้หาได้ไม่
แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้มอบอำนาจก็ดี หาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงิน: จำเลยที่ 2 ไม่ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้กู้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินกู้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้อย่างใดโจทก์ย่อมจะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้กู้หาได้ไม่
แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้มอบอำนาจก็ดีหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินแม้ลงชื่อบริษัทอื่น ก็ถือเป็นการลงชื่อแทนโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
คำบรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์แต่ลงชื่อบริษัทนิยมวานิช จำกัด เป็นเจ้าของเงิน จำเลยให้การว่าเอกสารท้ายฟ้องระบุชัดว่าเป็นการยืมเงินจากห้างนิยมพานิชซึ่งเป็นบริษัทจำกัดโจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินของโจทก์ เป็นแต่ต่อสู้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ให้กู้จึงต้องฟังตามฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินของโจทก์แม้จะลงชื่อคนอื่นในหนังสือสัญญากู้ ก็ย่อมมีลักษณะเป็นการลงชื่อไว้แทนโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นตัวการย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินกู้ได้
บรรยายฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์จำเลยก็ต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้วมูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไรเป็นเพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้วนั้น ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีกู้ยืม แม้ลงชื่อบริษัทแทนตัวการ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ และการฟ้องซ้ำหลังถอนฟ้อง
คำบรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ แต่ลงชื่อบริษัทนิยมวานิช จำกัดเป็นเจ้าของเงิน จำเลยให้การว่า เอกสารท้ายฟ้องระบุชัดว่า เป็นการยืมเงินจากห้างนิยมพานิช ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด โจทก์ในฐานะส่วนตัว ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินของโจทก์ เป็นแต่ต่อสู้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ให้กู้ จึงต้องฟังตามฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินของโจทก์ แม้จะลงชื่อคนอื่นในหนังสือสัญญากู้ ก็ย่อมมีลักษณะเป็นการลงชื่อไว้แทนโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นตัวการย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินกู้ได้
บรรยาย ฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้ว มูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้ว ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 176
of 110