พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,099 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327-328/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบแก้ไขจำนวนเงินกู้และดอกเบี้ยที่ผิดจากเอกสาร ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
การสืบว่าสามีโจทก์ผู้ให้กู้ใส่จำนวนเงินในสัญญากู้ผิดจากที่ขอกู้ เป็นการสืบให้เห็นว่าจำนวนที่เขียนลงในสัญญากู้ผิดจากที่กู้จริง ถือว่าเท่ากับสืบว่าสามีโจทก์ปลอมจำนวนเงินกู้อันเป็นเรื่องสืบว่าเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ย่อมนำสืบได้ตามข้อยกเว้นของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ 1.25 ดังที่ปรากฎในเอกสาร เป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ 1.25 ดังที่ปรากฎในเอกสาร เป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327-328/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบแก้ไขสัญญากู้ การปลอมแปลงเอกสาร และการคิดดอกเบี้ยผิดกฎหมาย
การสืบว่าสามีโจทก์ผู้ให้กู้ใส่จำนวนเงินในสัญญากู้ผิดจากที่ขอกู้เป็นการสืบให้เห็นว่าจำนวนเงินที่เขียนลงในสัญญากู้ผิดจากที่กู้จริงถือว่าเท่ากับสืบว่าสามีโจทก์ปลอมจำนวนเงินกู้อันเป็นเรื่องสืบว่าเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วนย่อมนำสืบได้ตามข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ1.25 ดังที่ปรากฏในเอกสารเป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ1.25 ดังที่ปรากฏในเอกสารเป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบเงินซื้อกระบือไม่ใช่กู้ยืม ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฟ้องเรียกเงินคืนได้
โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปหาซื้อกระบือให้โจทก์ มิใช่เป็นเรื่องกู้ยืมเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยไม่ซื้อกระบือให้โจทก์ ๆ ก็ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบเงินซื้อกระบือ ไม่ถือเป็นสัญญาเงินกู้ ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์มอบเงินให้จำเลย ไปหาซื้อกระบือให้โจทก์มิใช่เป็นเรื่องกู้ยืมเงินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยไม่ซื้อกระบือให้โจทก์โจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบเมื่อต่อสู้ว่าถูกหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในสัญญา
ตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เจตนาลวง จำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนตามคำกล่าวแก้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยอ้างถูกหลอกให้ลงนามในสัญญากู้เงิน มีหน้าที่นำสืบก่อน
ตามฟ้องและคำให้การ ฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เจตนาลวงจำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้ เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนตามคำกล่าวแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ชำระหนี้จากการกู้ยืม แม้ผู้ให้กู้ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้กู้ก็ต้องชำระหนี้
เมื่อจำเลยกู้เงินของบริษัทโจทก์ไป ถึงกำหนดชำระคืนก็มีหน้าที่ต้องใช้เงินให้ จะโต้เถียงอำนาจของผู้ให้กู้ไม่ได้
การที่บริษัทจำกัดใดจะมีอำนาจให้จำเลยกู้ได้หรือไม่เป็นเรื่องของทางราชการจะว่ากล่าว ไม่เกี่ยวกับผู้กู้เงินไปจากบริษัท.
การที่บริษัทจำกัดใดจะมีอำนาจให้จำเลยกู้ได้หรือไม่เป็นเรื่องของทางราชการจะว่ากล่าว ไม่เกี่ยวกับผู้กู้เงินไปจากบริษัท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: สัญญาทางวาจาไม่อาจใช้โต้แย้งสิทธิเจ้าของได้ หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่นา ขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้โดยมิได้กล่าวอ้างถึงสิทธิทางทะเบียน คงอ้างสิทธิโดยข้อสัญญาประการเดียวว่าโจทก์กู้เงินจำเลยไป 5,000 บาท และยอมให้นาพิพาททำต่างดอกเบี้ย
แม้จะฟังว่าข้อสัญญา(กู้)นี้มีอยู่จริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะยืนยันให้ศาลบังคับคดีให้แก่จำเลยตามกฎหมายอันเกี่ยวด้วยเรื่องเอกเทศสัญญาใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น ดังนี้ จึงไม่มีเหตุพิเศษอันใดตามกฎหมายที่จำเลยจะโต้แย้งไม่ยอมคืนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์.
แม้จะฟังว่าข้อสัญญา(กู้)นี้มีอยู่จริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะยืนยันให้ศาลบังคับคดีให้แก่จำเลยตามกฎหมายอันเกี่ยวด้วยเรื่องเอกเทศสัญญาใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น ดังนี้ จึงไม่มีเหตุพิเศษอันใดตามกฎหมายที่จำเลยจะโต้แย้งไม่ยอมคืนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างสิทธิทำต่างดอกเบี้ยโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่อาจใช้โต้แย้งการเรียกคืนที่ดินได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่นา ขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้โดยมิได้กล่าวอ้างถึงสิทธิทางทะเบียน คงอ้างสิทธิโดยข้อสัญญาประการเดียวว่าโจทก์กู้เงินจำเลยไป 5,000 บาท และยอมให้นาพิพาททำต่างดอกเบี้ย
แม้จะฟังว่าข้อสัญญา(กู้)นี้มีอยู่จริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะยืนยันให้ศาลบังคับคดีให้แก่จำเลยตามกฎหมายอันเกี่ยวด้วยเรื่องเอกเทศสัญญาใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น ดังนี้ จึงไม่มีเหตุพิเศษอันใดตามกฎหมายที่จำเลยจะโต้แย้งไม่ยอมคืนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์
แม้จะฟังว่าข้อสัญญา(กู้)นี้มีอยู่จริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะยืนยันให้ศาลบังคับคดีให้แก่จำเลยตามกฎหมายอันเกี่ยวด้วยเรื่องเอกเทศสัญญาใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น ดังนี้ จึงไม่มีเหตุพิเศษอันใดตามกฎหมายที่จำเลยจะโต้แย้งไม่ยอมคืนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานชัดเจน จำเลยโต้แย้งการรับเงินไม่ครบไม่ได้
โจทก์มีเอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานปรากฎชัดเจนในจำนวนเงินกู้ (เกินกว่า 50 บาท) และระบุว่าได้รับเงินไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าสัญญากู้นี้เป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์ด้วยประการใดๆ จำเลยจะนำสืบว่ารับเงินกู้ไปไม่ครบจำนวนดังข้อความตามสัญญากู้นั้นหาได้ไม่ เป็นการขัดต่อ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94(ข).