คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปิยกุล บุญเพิ่ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 199 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6101/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิด: เจ้าของโรงแรมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการบุกรุกและกระทำละเมิด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น
โจทก์บรรยายฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า จำเลยนำพวกและบริวารบุกรุกเข้ามาในโรงแรมของโจทก์ รื้อค้นปิดล็อกประตูห้องทำงานของพนักงานและสั่งให้พนักงานของโจทก์เปิดห้องเพื่อให้บริวารของจำเลยเข้าพัก สั่งอาหาร เครื่องดื่มแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน ทั้งมีการข่มขู่เอาเงินจากพนักงานของโจทก์ไปและแสดงตัวว่าจำเลยเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าห้องพัก ค่าอาหารและเรียกเงินที่จำเลยเอาไปจากพนักงานของโจทก์ ตามข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่า โจทก์ประสงค์จะฟ้องจำเลยให้รับผิดในมูลละเมิดที่ทำให้โจทก์ฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองโรงแรมเสียหาย หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์ที่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีเดิมที่ว่า จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นของโจทก์ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้หุ้นกลับคืนเป็นของจำเลย และต้องพิจารณาถึงอำนาจของผู้ฟ้องคดีว่าต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการโรงแรมหรือเป็นผู้ถือหุ้นตามจำนวนเสียงข้างมาก หรือเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ดังข้อฎีกาของจำเลยแต่อย่างใด ประกอบกับหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวให้หุ้นกลับคืนเป็นของจำเลยแล้ว ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการจดแจ้งการโอนชื่อจำเลยลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด เมื่อการฟ้องคดีของโจทก์ได้กระทำโดยผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดี ทั้งตามคำฟ้องโจทก์มิได้ประสงค์ให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ถือหุ้นโจทก์ หรือเกี่ยวกับการบริหารกิจการโจทก์ที่ต้องอาศัยผลของคำพิพากษาศาลฎีกาดังข้ออ้างของจำเลยตามที่กล่าว แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับผิดในมูลละเมิดที่โจทก์ฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองโรงแรมอ้างว่าจำเลยกับพวกกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงเป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิและมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
แม้ว่าจำเลยจะชนะคดีและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลยตามคำพิพากษาศาลฎีกาก็ตาม แต่จำเลยมีสิทธิอย่างไรตามคำพิพากษาดังกล่าว ก็ชอบที่ต้องไปดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือต้องไปว่ากล่าวฟ้องร้องเอากับโจทก์อีกส่วนต่างหาก การที่จำเลยพาพวกและบริวารบุกรุกเข้าไปในโรงแรมของโจทก์โดยพลการ จึงเป็นการกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5108/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดในลานจอดของโรงแรมอื่นที่โรงแรมอาศัยพึ่งพา
แม้รถบรรทุกที่โจทก์รับประกันภัยไว้จะสูญหายไปในขณะที่จอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม ร. แต่โจทก์ก็นำสืบว่า เหตุที่ ป. นำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม ร. เนื่องจากรถบรรทุกมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถนำเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมจำเลยได้เพราะประตูทางเข้าโรงแรมจำเลยมีเหล็กกั้นความสูงอยู่พนักงานของโรงแรมจำเลยจึงบอกให้ ป. นำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม ร. วิธีปฏิบัติซึ่งโรงแรมจำเลยอาศัยพึ่งพิงลานจอดรถของโรงแรม ร. เสมือนเป็นลานจอดรถของตนในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าของโรงแรมจำเลยเป็นรถขนาดใหญ่และไม่สามารถเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงแรมจำเลยได้ และน่าจะได้รับความยินยอมจากโรงแรม ร. เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นย่อมเป็นการยากที่บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่ลูกค้าของโรงแรม ร. จะสามารถนำรถเข้าไปจอดภายในลานจอดรถของโรงแรมได้ เมื่อรถบรรทุกที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไป จำเลยในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่ง ป. คนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามาตาม ป.พ.พ. มาตรา 674

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5108/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงแรมรับผิดชอบรถลูกค้าหาย แม้จอดรถที่โรงแรมอื่น หากมีวิธีปฏิบัติอาศัยพึ่งพากัน
ป. เข้าพักที่โรงแรม ก. ของจำเลยโดยนำรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปจอดที่ลานจอดรถของโรงแรม ร. ตามที่พนักงานของโรงแรม ก. บอก โดยไม่มีใครทักท้วงหรือห้ามไม่ให้ ป. นำรถเข้าไปจอด ย่อมแสดงให้เห็นวิธีปฏิบัติว่า โรงแรม ก. อาศัยพึ่งพิงลานจอดรถของโรงแรม ร. เสมือนเป็นลานจอดรถของตนในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าของโรงแรม ก. เป็นรถขนาดใหญ่และไม่สามารถเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงแรม ก. ได้ และน่าจะได้รับความยินยอมจากโรงแรม ร. เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นการยากที่บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่ลูกค้าของโรงแรม ร. จะสามารถนำรถเข้าไปจอดภายในลานจอดรถของโรงแรมได้ เมื่อรถบรรทุกที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไป จำเลยในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่ง ป. คนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามา ตาม ป.พ.พ. มาตรา 674 เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปตามสัญญาประกันภัยแล้ว ย่อมได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลล้มละลายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ต้องห้าม เหตุไม่อยู่ในข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้มีคำสั่งงดการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และขอให้กันส่วนที่ดินส่วนที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ออกก่อนมีการขายทอดตลาดที่ดินของลูกหนี้ที่ 3 นั้น มิใช่คำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดที่ยกเว้นให้อุทธรณ์ได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 วรรคสอง (1) ถึง (5) อุทธรณ์ของผู้ร้องดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ทั้งศาลฎีกาพิจารณาแล้วไม่มีกรณีจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาดตามมาตรา 26 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4832/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของห้างฯมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรถลูกค้า การเปลี่ยนรูปแบบบัตรจอดรถเป็นเหตุให้เกิดละเมิด
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุได้จัดให้มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าโดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 คอยแจกบัตรจอดรถให้กับผู้มาใช้บริการที่ทางเข้าและรับบัตรจอดรถคืนที่บริเวณทางออกของห้างสรรพสินค้า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ย่อมทำให้ผู้ที่มาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ 2 เข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าจัดให้บริการรักษาความปลอดภัยสำหรับรถยนต์ของผู้มาใช้บริการที่จะนำเข้ามาจอดในที่จอดรถขณะเข้าไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ 2 จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ต้องดูแลรักษาความเรียบร้อยและจัดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมในการดูแลรถยนต์ของลูกค้าที่นำเข้ามาจอดยังที่จอดรถของจำเลยที่ 2 ด้วย
ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองจัดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยแจกบัตรจอดรถที่ทำจากกระดาษแข็งชนิดอ่อนเคลือบด้วยพลาสติกใส ไม่ระบุวันเดือนปีและเวลารถเข้าออก ไม่ระบุหมายเลขทะเบียนรถที่แล่นผ่านเข้าในห้าง เพียงแต่ระบุหมายเลขประจำบัตรจอดรถเท่านั้น อันเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบัตรจอดรถไปจากบัตรเดิมที่สามารถตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถให้ตรงกับบัตรได้ การนำบัตรจอดรถซึ่งไม่ระบุรายละเอียดรถที่แล่นผ่านเข้าห้างมาใช้เช่นนี้ จำเลยทั้งสองย่อมเล็งเห็นได้ว่าบุคคลอื่นอาจนำบัตรจอดรถดังกล่าวมาใช้เพื่อนำรถคันอื่นๆ ออกจากที่จอดรถในบริเวณห้างจำเลยที่ 2 ได้โดยง่าย พฤติการณ์ซึ่งจำเลยทั้งสองผ่อนปรนการใช้ความระมัดระวังในการตรวจตรารถซึ่งผ่านเข้าออกห้างจำเลยที่ 2 ด้วยการจัดให้นำบัตรที่ไม่ระบุวันเดือนปี เวลาและหมายเลขทะเบียนรถที่แล่นผ่านเข้าห้างจำเลยที่ 2 มาใช้ในวันเกิดเหตุ โดยไม่มีมาตรการตรวจสอบใดๆ เพิ่มเติม จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อและเป็นผลโดยตรงทำให้รถที่โจทก์รับประกันภัยถูกลักไป ถือว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และเป็นการกระทำไปในกิจการที่รับมอบหมายให้ทำแทนของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 1 นายจ้าง และจำเลยที่ 2 ตัวการต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 427 ประกอบมาตรา 425 เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปตามกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว ย่อมรับช่วงสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4649/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์: การกำหนดค่าเสียหายกรณีรถหายโดยมิใช่ความผิดผู้เช่าซื้อ ศาลฎีกาแก้ไขค่าเสียหายให้เหมาะสม
โจทก์บรรยายคำฟ้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงในเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย และโจทก์เรียกให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 6 ตามคำฟ้องของโจทก์จึงขอเรียกค่าเสียหายใด ๆ อันเนื่องมาจากความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อในกรณีรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย ส่วนที่โจทก์กล่าวอ้างว่า รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายโดยเป็นความผิดของจำเลย แต่ได้ความจากทางพิจารณาว่า รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายโดยมิใช่ความผิดของจำเลย เป็นเรื่องของการรับฟังข้อเท็จจริงซึ่งศาลจะนำมาวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 6 ดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายโดยมิใช่ความผิดของจำเลยและกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยไปตามคำฟ้องของโจทก์ มิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3754/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายหลังล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อ โดยไถ่ถอนจำนองจากกองทรัพย์สิน
ผู้ร้องได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านกับลูกหนี้และได้ชำระเงินค่าที่ดินและบ้านแก่ลูกหนี้ครบถ้วนแล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขาย แต่เมื่อลูกหนี้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินและบ้านให้แก่ผู้ร้องได้เนื่องจากลูกหนี้ได้นำที่ดินและบ้านดังกล่าวไปจำนองแก่บริษัท บ. ซึ่งต่อมาบริษัทดังกล่าวได้โอนสิทธิการรับจำนองแก่ผู้คัดค้านที่ 2 แล้ว เมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวได้ โดยลูกหนี้ไม่มีสิทธิอย่างใดตามสัญญาอีก คงเหลือเฉพาะหน้าที่ของลูกหนี้ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญา สิทธิตามสัญญานั้นเป็นของผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว จึงไม่อยู่ในดุลพินิจของผู้คัดค้านที่ 1 ที่จะพิจารณาว่าสิทธิตามสัญญาที่ผู้ร้องจะพึงได้มีรับภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่ เพราะประโยชน์ที่จะพึงได้ในการที่ผู้ร้องใช้สิทธิเรียกร้องให้ปฏิบัติตามสัญญาตกได้แก่ผู้ร้อง หาตกได้แก่ลูกหนี้ไม่ ผู้คัดค้านที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้จึงไม่อาจปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายต่อผู้ร้องได้ ดังนั้น เมื่อผู้ร้องประสงค์จะขอรับโอนกรรมสิทธิ์พร้อมบ้านที่พิพาทจากผู้คัดค้านที่ 1 ผู้คัดค้านที่ 1 จึงชอบที่จะต้องจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้อง โดยปลอดจำนอง โดยให้ผู้คัดค้านที่ 1 นำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ไถ่ถอนจำนองจากผู้คัดค้านที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3594/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การต้องชัดเจนและเฉพาะเจาะจง หากศาลวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท อุทธรณ์ในประเด็นนั้นย่อมต้องห้าม
คำให้การจำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น การที่จำเลยให้การแต่เพียงว่า การบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลย โดยไม่มีรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าการบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด ทั้งที่การบอกกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นให้มีการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นเรื่องนี้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและการที่จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องนี้เป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นเรื่องดังกล่าวจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนและการฟ้องล้มละลาย: แม้มีการอุทธรณ์คำพิพากษา ก็ไม่ทำให้หนี้เปลี่ยนแปลง
จำเลยทั้งสิบเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง จำเลยที่ 1 และที่ 8 ซึ่งเป็นคู่ความย่อมต้องผูกพันในกระบวนพิจารณาของศาลนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาจนกว่าคำพิพากษานั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาแก้ไขหรือกลับ จำเลยที่ 1 และที่ 8 ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าว ประกอบกับหนี้ดังกล่าวสามารถที่จะคิดคำนวณได้ถึงวันฟ้องว่ามีจำนวนเท่าใด ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 (3) แล้ว การที่จำเลยที่ 1 และที่ 8 อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว หาทำให้หนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนแล้วกลับกลายเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไปไม่ และเมื่อหนี้ดังกล่าวมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทสำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและไม่น้อยกว่าสองล้านบาทสำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคล โจทก์ย่อมมีอำนาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 8 ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2895/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: หน้าที่นำพยานหลักฐานและการรับฟังเอกสาร
บทบัญญัติใน พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 และมาตรา 94 นั้น เป็นขั้นตอนของการยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ส่วนการตรวจคำขอรับชำระหนี้และทำความเห็นเสนอศาลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 บัญญัติว่า ในการตรวจคำขอรับชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจออกหมายเรียกเจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้นั้นต่อศาล พร้อมทั้งรายงานว่ามีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ประการใดหรือไม่ เช่นนี้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายเรียกให้เจ้าหนี้นำพยานไปให้การสอบสวนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามจำนวนที่ได้ยื่นคำขอไว้ เจ้าหนี้จึงมีหน้าที่จะต้องนำพยานไปให้การสอบสวนดังกล่าว
ในการขอรับชำระหนี้เจ้าหนี้มีหน้าที่นำพยานมาให้การสอบสวนว่าลูกหนี้ที่ 1 เป็นหนี้เจ้าหนี้ในมูลหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามจำนวนที่เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ ทั้งมูลหนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 94 (1) เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายนัดให้ ญ. และ ภ. ผู้รับมอบอำนาจเจ้าหนี้ กับได้หมายนัดไปยังกรรมการของบริษัทเจ้าหนี้ให้นำพยานมาให้การสอบสวนและนำส่งเอกสารประกอบคำขอรับชำระหนี้ภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหมายนัด และในหมายนัดทุกฉบับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ระบุเงื่อนไขไว้ด้วยว่า หากเจ้าหนี้ไม่มาให้การสอบสวนหรือนำส่งเอกสารภายในกำหนดถือว่าเจ้าหนี้ไม่ติดใจอ้างพยานหลักฐานอื่นใดอีก ซึ่งการส่งหมายนัดดังกล่าวให้แก่ผู้รับมอบอำนาจเจ้าหนี้และกรรมการของเจ้าหนี้เป็นไปโดยชอบแล้ว แต่ผู้รับมอบอำนาจเจ้าหนี้หรือกรรมการเจ้าหนี้ก็ไม่ได้นำพยานมาให้การสอบสวนแต่อย่างใด กรณีจึงไม่อาจฟังว่าลูกหนี้ที่ 1 ยังเป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่เพียงใด
การอ้างเอกสารในชั้นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำ ป.วิ.พ. มาตรา 93 มาใช้บังคับโดยอนุโลมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 เมื่อกรณีไม่ปรากฏเหตุที่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับฟังสำเนาเอกสารได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และสำเนาเอกสารนั้นก็มีเพียงผู้รับมอบอำนาจของเจ้าหนี้เป็นผู้รับรอง สำเนาเอกสารดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้รับฟัง
เจ้าหนี้ยื่นต้นฉบับเอกสารภายหลังที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีความเห็นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว จึงเป็นการยื่นเอกสารที่ล่วงเลยระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
of 20