คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 37

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายฝากเรือนซ้ำ: สิทธิจำเลยเมื่อสามีให้ความยินยอม
ภรรยาเอาเรือนไปขายฝากแก่จำเลยไว้ โดยสามีได้ให้ความยินยอม ครั้นครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญาแล้ว ภรรยากลับขอทำสัญญาต่อใหม่อีก จำเลยก็ยินยอม ทางอำเภอจึงทำสัญญาขายฝากขึ้นอีกฉบับหนึ่ง ดังนี้ ถือได้ว่า การทำสัญญาขายฝากครั้งที่ 2 นี้เป็นแต่เพียงพิธีการสำหรับยืดอายุสิทธิการไถ่ถอนออกไปอีก เท่านั้น ต้องถือว่าเป็นการขายฝากรายเดียวกันซึ่งสามีได้ยินยอมตกลงอนุญาตให้ทำนิติกรรมนั้นแล้ว และถ้าสามีจะอ้างว่าการทำขายฝากครั้งที่ 2 คือยืดอายุการไถ่ถอน ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี ขอให้เพิกถอนเสีย กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ขายฝากก็ย่อมตกได้แก่จำเลยบริบูรณ์ตั้งแต่ครบกำหนดการไถ่ถอนตามสัญญาครั้งแรกแล้ว จำเลยจึงย่อมบังคับให้เปลี่ยนแก้ทะเบียนเรือนให้จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดสินบริคณีของคู่สมรสที่ล้มละลาย แม้หนี้เกิดก่อนบังคับใช้ ป.ม.แพ่ง
เมื่อภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิจะยึดสินบริคนห์มาแบ่งแยกส่วนของผู้ล้มละลายได้
หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ได้ทำขึ้นจึงผูกพันธ์หญิงตาม ป.ม.แพ่งฯ ม. 37
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว หนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะเกิน 10 ปี แล้วก็ไม่มีเหตุทีจะถือว่าคำพิพากษาไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
แม้จะเป็นหนี้เกิดก่อนวันใช้ ป.ม.แพ่งฯบรรพ 5 ก็ดี ก็แบ่งแยกสินบริคนห์ตาม ป.ม.แพ่งฯ ม.1484 ได้ ไม่ขัดกับบท ก.ม.เก่าหรือใหม่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดสินบริคณห์เมื่อภริยาล้มละลาย แม้หนี้เกิดก่อนบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิจะยึดสินบริคณห์มาแบ่งแยกส่วนของผู้ล้มละลายได้
หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ได้ทำขึ้นจึงผูกพันหญิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 37
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว หนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะเกิน 10 ปีแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะถือว่าคำพิพากษาไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
แม้จะเป็นหนี้เกิดก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ก็ดี ก็แบ่งแยกสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484 ได้ ไม่ขัดกับบทกฎหมายเก่าหรือใหม่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหนี้จากการกู้เงินโดยภรรยาโดยไม่ได้รับความยินยอมของสามี และการแยกสินบริคณห์
หญิงมีสามีกู้เงินโดยไม่ได้รับความยินยอมของสามีสัญญานั้นเป็นโมฆียะ เมื่อสามีบอกล้างนิติกรรมนั้นแล้วหญิงก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องขอแยกสินบริคณห์เพื่อเอาชำระหนี้ได้
เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าเป็นสามีภรรยากันมาก่อนหรือหลังใช้ประมวลแพ่งฯ บรรพ 5 ศาลย่อมแบ่งสินสมรสให้สามีภรรยานั้นคนละครึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินโดยไม่ได้รับความยินยอมของคู่สมรส ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆียะ และเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากสินสมรส
หญิงมีสามีกู้เงินโดยไม่ได้รับความยินยอมของสามีสัญญานั้นเป็นโมฆียะเมื่อสามีบอกล้างนิติกรรมนั้นแล้วหญิงก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องขอแยกสินบริคณห์เพื่อเอาชำระหนี้ได้
เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าเป็นสามีภรรยากันมาก่อนหรือหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ศาลย่อมแบ่งสินสมรสให้สามีภรรยานั้นคนละครึ่ง
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2488

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคนห์เพื่อใช้หนี้และการฟ้องซ้ำ สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดทรัพย์สินบริคนห์
เจ้าหนี้ยึดสินบริคนห์ระหว่างจำเลยกับสามีสามีร้องขัดทรัพย์อ้างว่านิติกัมที่ภรรยาทำเปนโมคียะ ไม่ผูกพันสินบริคนห์สาลสั่งถอนการยึดไปตามคำร้องขัดทรัพย์ เจ้าหนี้มาฟ้องขอแยกสินบริคนห์ระหว่างสามีภรรยานั้นไหม่ได้ ไม่เปนฟ้องซ้ำ
เจ้าหนี้ซึ่งขอแยกสินบริคนห์ของลูกหนี้ตาม ม. 1483 นั้นไม่จำต้องขอขนะยึดทรัพย์ของลูกหนี้ แม้สาลไห้ถอนการยึดแล้วก็ขอได้
ไนกรนีที่ขอแยกสินบริคนห์ระหว่างสามีภรรยาเพื่อไช้หนี้ ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าขายไห้คนพายนอกไปแล้ว ก็ต้องพิจารนาว่าจิงหรือไม่ เพราะถ้าจิงก็ไม่ไช่สินบริคนห์จะขอแยกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคณห์เพื่อใช้หนี้: สิทธิเจ้าหนี้และการต่อสู้ของจำเลย
เจ้าหนี้ยึดสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับสามี สามีร้องขัดทรัพย์อ้างว่านิติกรรมที่ภรรยาทำเป็นโมฆียะ ไม่ผูกพันสินบริคณห์ ศาลสั่งถอนการยึดไปตามคำร้องขัดทรัพย์เจ้าหนี้มาฟ้องขอแยกสินบริคณห์ระหว่างสามีภรรยานั้นใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เจ้าหนี้ซึ่งขอแยกสินบริคณห์ของลูกหนี้ตาม มาตรา 1483นั้นไม่จำต้องขอขณะยึดทรัพย์ของลูกหนี้ แม้ศาลให้ถอนการยึดแล้วก็ขอได้ ในกรณีที่ขอแยกสินบริคณห์ระหว่างสามีภรรยาเพื่อใช้หนี้ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าขายให้บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าจริงหรือไม่ เพราะถ้าจริงก็ไม่ใช่สินบริคณห์จะขอแยกไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2486)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324-325/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาเช่าเหมืองเนื่องจากไม่ทำประโยชน์ในเหมืองทั้งหมดตามกำหนด และการริบเงินมัดจำ
แปลสัญญา มัดจำ เช่าทรัพย์ เช่าเหมืองทำ 2 แปลงในสัญญาใช้คำว่า "เหมืองรายนี้" คิดค่าเช่าจากจำนวนแร่ที่ขุดได้ ผู้เช่าทำแต่เหมืองเล็ก ไม่ทำเหมืองใหญ่ในกำหนดเวลา ถือว่าทำผิดสัญญาในข้อสัญญาไม่ปรากฎว่าให้เช่าช่วงให้ ผู้เช่าจะเอาไปให้เช่าช่วงไม่ได้ เงินมัดจำที่ให้ไว้เป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญานั้นเมื่อทำผิดสัญญาก็ริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมภรรยาที่สามีไม่ยินยอมผูกพันเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ทำ
หญิงมีสามีทำนิติกรรมโดยผัวไม่รู้ ผูกมัดแต่สินส่วนตัวเท่านั้น
of 8