พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4079/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเพื่อหากำไร ถือเป็นเงินได้ต้องเสียภาษี
โจทก์ซื้อที่ดินมาดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเป็น 11 โฉนดและจดทะเบียนแบ่งแยก แล้วปลูกสร้างตึกแถวบนที่ดินที่แบ่งแยกจำนวน 11 คูหาจากนั้นทยอยขายไปจนหมดภายใน 8 เดือนเช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร จึงต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีนั้น ทั้งการที่โจทก์แบ่งแยกและขายที่ดินพร้อมตึกแถวไปดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้า ประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดประเภทกระดาษคราฟท์เพื่อเสียภาษี: พิจารณาจากคุณลักษณะและวัตถุดิบการผลิต ไม่ใช่แค่มาตรฐานอุตสาหกรรม
กระดาษคราฟทหรือกระดาษคราฟทที่ทำเป็นลูกฟูกก็คือ กระดาษสีน้ำตาลที่มีความเหนียวมากกว่ากระดาษธรรมดาที่ใช้พิมพ์หนังสือหรือใช้ทำสมุดทั้งนี้เพราะกระดาษคราฟทเป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ทำกล่อง ผิวกล่อง ถุงหลายชั้นหรือชั้นเดียวหรือใช้เป็นกระดาษสำหรับห่อสิ่งของหรือสินค้า ผลการตรวจสอบกระดาษตัวอย่างที่โจทก์ผลิตระบุว่า กระดาษที่โจทก์ผลิตเป็นกระดาษสำหรับทำผิวกล่อง (คือกระดาษคราฟทหรือกระดาษเหนียว)ตามที่กล่าวไว้ในมาตรฐานเลขที่มอก.170-2519 แต่มีคุณภาพด้านความเหนียวของกระดาษตัวอย่างต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรฐานเท่านั้น มิได้ปฏิเสธว่ามิใช่กระดาษคราฟท ดังนี้ต้องถือว่ากระดาษที่โจทก์ผลิตเป็นกระดาษคราฟทหรือกระดาษคราฟทที่ทำเป็นลูกฟูกดังที่กำหนดไว้ในบัญชีที่ 3 หมวด 5 สินค้าอื่น ๆ (1) ท้ายพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 54)พ.ศ.2517 โจทก์จึงได้ลดภาษีการค้าลงเหลือร้อยละ 1.5 ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากรายรับค่าก่อสร้างและค่าเช่าอาคารพาณิชย์
ตัวเลขที่แสดงรายรับตามสมุดบัญชีและเอกสารที่โจทก์อ้างนั้น โจทก์ได้แสดงไว้ในแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.5) และแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า (ภ.ค. (พ) 4) ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินได้วิเคราะห์แล้ว เห็นว่ารายรับที่โจทก์แสดงต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนั้นปรากฏว่าเอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกจากจำเลย จำเลยได้จัดส่งศาลตามหมายเรียกที่ส่งไม่ได้บางฉบับจำเลยก็มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่า ค้นหาไม่พบ และบางฉบับบุคคลอื่นมิได้ส่งมา ทั้งเอกสารบางฉบับที่จำเลยแจ้งต่อศาลว่าบุคคลอื่นมิได้ส่งมอบแก่จำเลยโจทกก็มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกจาก บุคคลนั้น ดังนี้ โจทก์จะอาศัยประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123 ว่าต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากทางราชการเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องเสียค่าตอบแทน บางอย่าง และยกกรรมสิทธิ์อาคารแก่ทางราชการ แต่โจทก์ก็มีสิทธินำอาคารเหล่านั้นไปใช้เช่าช่วงแล้วเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วง ย่อมเป็นความประสงค์ของทางราชการได้ว่า ประสงค์ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วนำออกให้เช่านั่นเอง แต่แทนที่จะว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ก่อสร้างโดยตรงแล้วนำออกให้เช่า กลับดำเนินการด้วยวิธีทำความตกลงให้โจทก์เป็นผู้ก่อสร้างแล้วให้โจทก์ไปเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วงในรูปแบบของเงินช่วยเหลือก่อสร้าง ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้ามีวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าจากรายรับ (เงินช่วยเหลือค่าก่อสร้างที่ได้รับจากผู้เช่าช่วง) ของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า ประเภทการค้า 4. การรับจ้างทำของ (ค) การปลูกสร้างหรือการก่อสร้างทุกชนิด
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากทางราชการเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องเสียค่าตอบแทน บางอย่าง และยกกรรมสิทธิ์อาคารแก่ทางราชการ แต่โจทก์ก็มีสิทธินำอาคารเหล่านั้นไปใช้เช่าช่วงแล้วเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วง ย่อมเป็นความประสงค์ของทางราชการได้ว่า ประสงค์ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วนำออกให้เช่านั่นเอง แต่แทนที่จะว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ก่อสร้างโดยตรงแล้วนำออกให้เช่า กลับดำเนินการด้วยวิธีทำความตกลงให้โจทก์เป็นผู้ก่อสร้างแล้วให้โจทก์ไปเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วงในรูปแบบของเงินช่วยเหลือก่อสร้าง ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้ามีวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าจากรายรับ (เงินช่วยเหลือค่าก่อสร้างที่ได้รับจากผู้เช่าช่วง) ของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า ประเภทการค้า 4. การรับจ้างทำของ (ค) การปลูกสร้างหรือการก่อสร้างทุกชนิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไร ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษีการค้า แม้จะขายให้บริษัทในเครือ
บริษัทโจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจประเภทบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และยังมีวัตถุประสงค์จัดหาที่ดินมาจำหน่ายแก่ประชาชนโดยตรงตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า มีกฎหมายบัญญัติบังคับห้ามมิให้โจทก์ซื้อหรือมีที่ดินหากซื้อที่ดินมากฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องขายไปในเวลาอันสมควร ดังนั้น เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดในราคา 3,500,000 บาท แล้วหลังจากนั้นเพียง 8 วัน โจทก์ขายไปในราคาถึง 7,000,000 บาท แสดงว่าการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของโจทก์ โจทก์ทราบดีว่าเป็นการซื้อเพื่อขายต่อ และการซื้อเพื่อขายต่อหากไม่ใช่เพื่อทางค้าหรือหากำไร โจทก์ก็คงจะไม่ลงทุนซื้อด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเป็นต้องเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินที่โจทก์รับจำนองไว้จากลูกค้าเพื่อให้ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ราคาสูงคุ้มต้นเงินและดอกเบี้ยและโจทก์ขายให้กับบริษัทในเครือของโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขายของโจทก์เป็นทางค้าหรือหากำไรเข้าลักษณะเป็นรายรับตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3.5 ของรายรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไรเข้าข่ายการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษี
บริษัทโจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจประเภทบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และยังมีวัตถุประสงค์จัดหาที่ดินมาจำหน่ายแก่ประชาชนโดยตรงตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า มีกฎหมายบัญญัติบังคับห้ามมิให้โจทก์ซื้อหรือมีที่ดินหากซื้อที่ดินมากฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องขายไปในเวลาอันสมควร ดังนั้น เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดในราคา3,500,000 บาท แล้วหลังจากนั้นเพียง 8 วัน โจทก์ขายไปในราคาถึง 7,000,000 บาท แสดงว่าการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของโจทก์ โจทก์ทราบดีว่าเป็นการซื้อเพื่อขายต่อ และการซื้อเพื่อขายต่อหากไม่ใช่เพื่อทางค้าหรือหากำไร โจทก์ก็คงจะไม่ลงทุนซื้อด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเป็นต้องเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินที่โจทก์รับจำนองไว้จากลูกค้าเพื่อให้ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ราคาสูงคุ้มต้นเงินและดอกเบี้ยและโจทก์ขายให้กับบริษัทในเครือของโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขายของโจทก์เป็นทางค้าหรือหากำไรเข้าลักษณะเป็นรายรับตามประเภทการค้า 11การค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรโจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3.5ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อขายต่อเข้าข่ายค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้าตามอัตราที่กำหนด
การที่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนได้ซื้อที่ดินที่ตน รับจำนองไว้จากลูกค้าจากการขายทอดตลาดในราคา 3,500,000 บาท โดยทราบดีว่าต้องขายต่อ และหลังจากนั้นเพียง 8 วันโจทก์ได้ขายต่อให้บริษัทในเครือในราคาถึง 7,000,000 บาท ถือได้ว่าโจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร เข้าลักษณะเป็นการประกอบการค้าตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามป.รัษฎากร โจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ3.5 ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินมรดกโดยผู้จัดการมรดกที่มีเจตนาค้าขาย ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้า
ที่ดินที่โจทก์ขายไป เดิม สามีโจทก์กับ ป. ร่วมกันซื้อมาเพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลทั่วไป เมื่อสามีโจทก์ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของสามีได้เลิกการเป็นหุ้นส่วนกับ ป. โดยตกลงแบ่งที่ดินเป็นของ ป. 66 แปลง เป็นของโจทก์ 53 แปลง เมื่อโจทก์จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินทั้ง 53 แปลงมาแล้ว โจทก์ได้ดำเนินการขายที่ดินนั้นต่อไปตามเจตนาเดิม ของเจ้ามรดก โดยโจทก์ได้จดทะเบียนการค้าประเภทค้าอสังหาริมทรัพย์ไว้ด้วย ดังนี้ การค้าที่ดินของโจทก์เป็นการขายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรมิใช่เป็นการขายทรัพย์สินอันเป็นมรดกตามความหมายของ ป. รัษฎากรมาตรา 42(9) ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น จึงต้องนำเงินได้จากการขายที่ดินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการขายที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้าตามประเภทการค้า 11 ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าอีกด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจโฆษณา: ลักษณะการรับจ้างทำของ vs. นายหน้าและตัวแทน เพื่อการเสียภาษีที่ถูกต้อง
การรับจ้างโฆษณาของโจทก์ โจทก์จะให้ความคิดในการออกแบบโฆษณาให้ลูกค้า เมื่อลูกค้าพอใจ โจทก์จะติดต่อกับสื่อ โฆษณาอันได้แก่วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์เอง โจทก์หาได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางช่วย ชี้ ช่องให้ลูกค้าของโจทก์กับสื่อ โฆษณา ได้เข้าทำสัญญากันอันเป็นการกระทำของนายหน้าไม่ แต่โจทก์ได้ดำเนินการตามความคิดของโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายลงทุนเองตลอดจนเป็นคู่สัญญากับสื่อ โฆษณา หาใช่เป็นเรื่องออกเงินทดรองหรือค่าใช้จ่ายแทนตัวการดัง ที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 816 ไม่ โจทก์จึงมิใช่ตัวแทนหรือนายหน้า ทั้งไม่ใช่การรับจัดธุรกิจให้ผู้อื่นตามความหมายของประเภทการค้า 10 แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า แต่เป็นเรื่องรับทำการงานโฆษณาโดยถือผลสำเร็จของงานเป็นสาระสำคัญ จึงเป็นการรับจ้างทำของประเภทการค้า 4 ชนิด 1(ฉ) แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าซึ่งขณะพิพาทต้องเสียภาษีการค้าเพียงร้อยละ 2 ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขาย vs. รับจ้างทำของ: การผลิตอิฐทนไฟตามสั่งพิจารณาจากความสำคัญของวัตถุดิบและงานสำเร็จ
ข้อแตกต่างระหว่างการซื้อขายและการรับจ้างทำของนั้นหาได้อยู่ที่เจตนาและกิริยาของคู่กรณีที่ประพฤติต่อกันแต่ประการเดียวไม่แต่ความสำคัญอยู่ที่จะต้องพิจารณาว่าสัมภาระกับงานที่รับทำจนสำเร็จนั้นสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ถ้า การงานที่รับทำจนสำเร็จสำคัญกว่าสัมภาระก็เป็นการรับจ้างทำของ แต่ถ้า ไม่สำคัญกว่าก็เป็นการซื้อขาย การผลิตอิฐทนไฟไม่ว่าจะเป็นการผลิตตามแบบมาตรฐานหรือผลิตตามคำสั่งเป็นการเฉพาะรายของโจทก์นั้น วัตถุดิบหรือสัมภาระที่ใช้ในการทำอิฐ ทน ไฟ ได้แก่ บล๊อกไซด์ชามอสอลูมิน่า ดิน ทนไฟ นำมาผสมกันเติม ด้วยสารเคมี แล้วนำไปอัดเป็นรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นจึงนำไปเผาไฟ อิฐทนไฟที่ผลิตได้หาได้มีความสำคัญไปกว่าสัมภาระหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตไม่ การผลิตอิฐทนไฟตามคำสั่งเฉพาะรายของลูกค้าจึงหาใช่เป็นการรับจ้างทำของไม่ แต่เป็นการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟเช่นเดียวกันอิฐทนไฟแบบมาตรฐานรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟตามคำสั่งของลูกค้าเป็นการเฉพาะรายจึงต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 1.การขายของ ชนิด 1(ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 7 เช่นเดียวกับการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน จะนำมาแยกเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า4. การรับจ้างทำของ ชนิด 1(ฉ) ในอัตราร้อยละ 2 หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3748/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากร การอุทธรณ์ และอำนาจกำหนดราคาตลาดของกรมศุลกากร
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ตรวจสอบราคาสินค้าของโจทก์แล้วมีความเห็นให้เรียกอากรขาเข้ากรมศุลกากรและภาษีการค้าเพิ่มแล้วจำเลยก็ได้มีแบบแจ้งการประเมินอากรขาเข้าและภาษีการค้ารวม10ฉบับแต่ละฉบับได้แจ้งผลการประเมินตามรายการภาษีอากรที่สำแดงภาษีอากรที่ประเมินเพิ่มแล้วมีรายการแยกรายละเอียดเป็นยอดเงินเพิ่มสำหรับอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลไว้กรณีเช่นนี้ย่อมถือได้ว่ามีการประเมินภาษีการค้าโดยเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา18ประกอบด้วยมาตรา87(2)แล้วหากโจทก์เห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องอย่างไรก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา30เสียก่อนเมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ภายในระยะเวลาตามบทกฎหมายดังกล่าวโจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องคดีอันเป็นการใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ กรณีที่ราคาอันแท้จริงของสินค้าในการซื้อขายหลายรายหรือในท้องตลาดหลายแห่งอาจไม่ตรงกันกรณีเช่นนี้ตามมาตรา9แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ.2503อธิบดีกรมศุลกากรย่อมมีอำนาจกำหนดราคาสินค้าในท้องตลาดเป็นรายเฉลี่ยและเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วก็ให้ถือราคานั้นเป็นเกณฑ์ในการประเมินอากรส่วนคดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยกำหนดราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเฉพาะเครื่องสำอางโคซี่ที่โจทก์นำเข้าและสำแดงราคาคลาดเคลื่อนเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่ขัดต่อพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ.2503มาตรา9 (หมายเหตุวรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2529)