พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดอายุความจากการชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยร่วม
จำเลยทั้งห้าร่วมกันสั่งซื้อและเป็นหนี้ค่าน้ำมันโจทก์ การที่จำเลยคนหนึ่งนำเช็คที่จำเลยอีกคนหนึ่งสั่งจ่ายผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยอื่นโดยชำระให้โจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ จึงเป็นการรับสภาพหนี้ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย.
เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 181 วรรคสองดังนั้นอายุความสองปี ครบในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2526 คดีจึงไม่ขาดอายุความ.
กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่.
เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 181 วรรคสองดังนั้นอายุความสองปี ครบในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2526 คดีจึงไม่ขาดอายุความ.
กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดอายุความจากเช็คชำระหนี้
จำเลยร่วมกันสั่งซื้อและเป็นหนี้ค่าน้ำมันโจทก์ การที่จำเลยคนหนึ่งนำเช็คที่จำเลยอื่นสั่งจ่ายผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยอื่นด้วยชำระให้โจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเป็นการรับสภาพหนี้ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว จึงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 181 วรรคสอง ดังนั้นอายุความสองปี ครบในวันที่ 13พฤศจิกายน 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2526คดีจึงไม่ขาดอายุความ กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดอายุความจากการชำระหนี้บางส่วน โดยเช็ค
จำเลยร่วมกันสั่งซื้อและเป็นหนี้ค่าน้ำมันโจทก์ การที่จำเลยคนหนึ่งนำเช็คที่จำเลยอื่นสั่งจ่ายผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยอื่นด้วยชำระให้โจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเป็นการรับสภาพหนี้ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว จึงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2525 ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 181 วรรคสอง ดังนั้นอายุความสองปี ครบในวันที่ 13พฤศจิกายน 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2526คดีจึงไม่ขาดอายุความ กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5137/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาเกินคำขอและอายุความค่าเสียหายจากการบุกรุกที่ดิน
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 บุกรุกที่ดินโจทก์เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งานเศษและจำเลยที่ 2 บุกรุกที่ดินโจทก์เนื้อที่ประมาณ 30 ตารางว่านั้น เป็นแต่เพียงกะประมาณเนื้อที่เอาไว้เพื่อเสียค่าขึ้นศาลเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 บุกรุกที่ดินของโจทก์รวมเนื้อที่จริง 3 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวาตามแผนที่กลางที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้น ทั้งโจทก์จำเลยก็ทราบดีถึงเขตที่ดินส่วนที่พิพาทกันแล้วที่ศาลพิพากษาให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ในเนื้อที่ดินที่บุกรุกจริง จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดอันพึงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็น เวลานานแล้วและจำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ ดังนั้น ค่าเสียหายของโจทก์ในส่วนที่เกิน 1 ปี ก่อนวันฟ้องย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ แต่มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 4 ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยที่ 4
โจทก์ฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดอันพึงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็น เวลานานแล้วและจำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ ดังนั้น ค่าเสียหายของโจทก์ในส่วนที่เกิน 1 ปี ก่อนวันฟ้องย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ แต่มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 4 ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5137/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องคดีบุกรุก และอายุความค่าเสียหายจากการละเมิด
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 บุกรุกที่ดินโจทก์เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งานเศษและจำเลยที่ 2 บุกรุกที่ดินโจทก์เนื้อที่ประมาณ 30 ตารางวานั้น เป็นแต่เพียงกะประมาณเนื้อที่เอาไว้เพื่อ เสียค่าขึ้นศาลเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 บุกรุกที่ดินของโจทก์รวมเนื้อที่จริง 3 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวาตามแผนที่กลางที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้น ทั้งโจทก์จำเลยก็ทราบดีถึงเขตที่ดินส่วนที่พิพาทกันแล้ว ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ในเนื้อที่บุกรุกจริง จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยรู้ถึงการละเมิดและ รู้ตัวผู้กระทำละเมิดอันพึงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็น เวลานานแล้ว และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ดังนั้น ค่าเสียหายของโจทก์ในส่วนที่เกิน 1 ปี ก่อนวันฟ้องย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ แต่มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 4 ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, หน้าที่ผู้จัดการ, ประมาทเลินเล่อ, สัญญาซื้อเชื่อ, อายุความ (การไม่ยกข้อต่อสู้)
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้ฟ้อง ส. เพียงคนเดียวและได้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องในวันที่มีมตินั้น แต่หนังสือมอบอำนาจมิได้ระบุให้ฟ้องผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะจึงเป็นการมอบอำนาจทั่วไป เมื่อต่อมาคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ได้มีมติให้ฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ ผู้รับมอบอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการของโจทก์ และโจทก์จ่ายเงินเดือนให้จำเลยที่ 1 ตลอดมาจนลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้แม้สัญญาจ้างจำเลยที่ 1 จะมิได้ลงชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนและประทับตราของโจทก์ตามข้อบังคับก็ตามการที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการของโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งลาออก
การที่จำเลยที่ 1 ขายนมให้แก่ ส. โดยไม่มีหลักประกันใด ๆ ฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ เป็นเหตุให้ ส. ค้างชำระค่านมเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะอ้างเหตุว่าได้รับคำแนะนำจากสหกรณ์จังหวัด ฯลฯ ให้ขายนมแก่ ส. มาปัดความรับผิดไม่ได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องระหว่างฎีกาว่า ได้ติดตามทวงหนี้สินจาก ส. และ ส. ได้ชำระแก่โจทก์เป็นเงิน 168,000 บาท หากเป็นความจริงจำเลยที่ 1 ย่อมขอให้โจทก์ลดจำนวนหนี้ดังกล่าวในชั้นบังคับคดีได้
จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ แม้จำเลยอื่นให้การต่อสู้ไว้ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยเหล่านั้น หาทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในเรื่องอายุความด้วยไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจยกเรื่องอายุความขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการของโจทก์ และโจทก์จ่ายเงินเดือนให้จำเลยที่ 1 ตลอดมาจนลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้แม้สัญญาจ้างจำเลยที่ 1 จะมิได้ลงชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนและประทับตราของโจทก์ตามข้อบังคับก็ตามการที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการของโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งลาออก
การที่จำเลยที่ 1 ขายนมให้แก่ ส. โดยไม่มีหลักประกันใด ๆ ฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ เป็นเหตุให้ ส. ค้างชำระค่านมเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะอ้างเหตุว่าได้รับคำแนะนำจากสหกรณ์จังหวัด ฯลฯ ให้ขายนมแก่ ส. มาปัดความรับผิดไม่ได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องระหว่างฎีกาว่า ได้ติดตามทวงหนี้สินจาก ส. และ ส. ได้ชำระแก่โจทก์เป็นเงิน 168,000 บาท หากเป็นความจริงจำเลยที่ 1 ย่อมขอให้โจทก์ลดจำนวนหนี้ดังกล่าวในชั้นบังคับคดีได้
จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ แม้จำเลยอื่นให้การต่อสู้ไว้ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยเหล่านั้น หาทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในเรื่องอายุความด้วยไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจยกเรื่องอายุความขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง-หน้าที่ผู้จัดการ-ประมาทเลินเล่อ-การปฏิบัติต่อกัน-อายุความ
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้ฟ้อง ส. เพียงคนเดียวและได้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องในวันที่มีมตินั้น แต่หนังสือมอบอำนาจมิได้ระบุให้ฟ้องผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะจึงเป็นการมอบอำนาจทั่วไป เมื่อต่อมาคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ได้มีมติให้ฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ ผู้รับมอบอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการของโจทก์ และโจทก์จ่ายเงินเดือนให้จำเลยที่ 1 ตลอดมาจนลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้แม้สัญญาจ้างจำเลยที่ 1 จะมิได้ลงชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนและประทับตราของโจทก์ตามข้อบังคับก็ตามการที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการของโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งลาออก
การที่จำเลยที่ 1 ขายนมให้แก่ ส. โดยไม่มีหลักประกันใด ๆฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ เป็นเหตุให้ ส. ค้างชำระค่านมเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในหน้าที่ของจำเลยที่ 1จะอ้างเหตุว่าได้รับคำแนะนำจากสหกรณ์จังหวัด ฯลฯ ให้ขายนมแก่ ส. มาปัดความรับผิดไม่ได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องระหว่างฎีกาว่า ได้ติดตามทวงหนี้สินจาก ส.และส. ได้ชำระแก่โจทก์เป็นเงิน 168,000 บาท หากเป็นความจริงจำเลยที่ 1 ย่อมขอให้โจทก์ลดจำนวนหนี้ดังกล่าวในชั้นบังคับคดีได้
จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ แม้จำเลยอื่นให้การต่อสู้ไว้ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยเหล่านั้น หาทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในเรื่องอายุความด้วยไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจยกเรื่องอายุความขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้.
คณะกรรมการสหกรณ์โจทก์มีมติให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการของโจทก์ และโจทก์จ่ายเงินเดือนให้จำเลยที่ 1 ตลอดมาจนลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้แม้สัญญาจ้างจำเลยที่ 1 จะมิได้ลงชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนและประทับตราของโจทก์ตามข้อบังคับก็ตามการที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการของโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งลาออก
การที่จำเลยที่ 1 ขายนมให้แก่ ส. โดยไม่มีหลักประกันใด ๆฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการสหกรณ์โจทก์ เป็นเหตุให้ ส. ค้างชำระค่านมเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในหน้าที่ของจำเลยที่ 1จะอ้างเหตุว่าได้รับคำแนะนำจากสหกรณ์จังหวัด ฯลฯ ให้ขายนมแก่ ส. มาปัดความรับผิดไม่ได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องระหว่างฎีกาว่า ได้ติดตามทวงหนี้สินจาก ส.และส. ได้ชำระแก่โจทก์เป็นเงิน 168,000 บาท หากเป็นความจริงจำเลยที่ 1 ย่อมขอให้โจทก์ลดจำนวนหนี้ดังกล่าวในชั้นบังคับคดีได้
จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความไว้ แม้จำเลยอื่นให้การต่อสู้ไว้ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยเหล่านั้น หาทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในเรื่องอายุความด้วยไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจยกเรื่องอายุความขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเมื่อจำเลยคนหนึ่งผ่อนชำระหนี้ร่วมกัน การผ่อนชำระหนี้มีผลผูกพันจำเลยอื่น
สัญญาจ้างทำของที่จำเลยทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าจ้างให้โจทก์นั้น หากจำเลยคนหนึ่งผ่อนชำระหนี้บางส่วนแทนจำเลยอื่นด้วยให้โจทก์เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดจากชำระหนี้ร่วมกัน: การชำระหนี้โดยจำเลยคนหนึ่งมีผลผูกพันจำเลยอื่นในสัญญาจ้างทำของ
สัญญาจ้างทำของที่จำเลยทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าจ้างให้โจทก์นั้น หากจำเลยคนหนึ่งผ่อนชำระหนี้บางส่วนแทนจำเลยอื่นด้วยให้โจทก์ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของทนายความ, อายุความ 2 ปี, ลูกหนี้ร่วม, การยกอายุความ, การชำระหนี้
การจ้างว่าความไม่ใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นสัญญาจ้างทำของ
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (15)
จำเลยให้การเพียงว่า "คดีของโจทก์ขาดอายุความ" ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาล ตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด และต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกา กำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (15)
จำเลยให้การเพียงว่า "คดีของโจทก์ขาดอายุความ" ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาล ตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด และต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกา กำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้