พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหายจากสัญญาจ้างกำจัดปลวก: ศาลวินิจฉัยเป็นคดีผิดสัญญา มีอายุความ 10 ปี
ความชำรุดบกพร่องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 หมายถึง ความชำรุดบกพร่องอันเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน ๆ คือ มาตรา 598,599 และ 600 อันหมายถึงความชำรุดบกพร่อง ในตัวทรัพย์ที่ผู้รับจ้างส่งมอบให้แก่ผู้ว่าจ้างตามสัญญาจ้าง ครบถ้วนแล้ว โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาที่ไม่ตรวจภายในอาคารคลังพัสดุให้ละเอียดว่ามีปลวกขึ้นหรือไม่ จำเลยจึงไม่เห็นปลวกในจุดที่ปลวกกัดกินผ้าดิบของโจทก์และไม่กำจัดปลวกให้หมดสิ้น กับ ไม่ใส่ยาเคมีป้องกันมิให้ปลวกขยายพันธุ์ให้ทั่วบริเวณสถานที่ตามข้อตกลงในสัญญาจ้างกำจัดและป้องกันปลวกซึ่งขณะปลวกกัดกินผ้าดิบยังอยู่ในอายุสัญญาจ้างดังกล่าว ตามคำฟ้อง ของโจทก์จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดที่ ไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายที่ผ้าดิบของโจทก์ถูกปลวกกัดกินเสียหายแก่โจทก์ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 และนับแต่วันที่โจทก์พบปลวกกัดกินผ้าดิบเสียหายถึงวันฟ้อง คดียังไม่พ้นกำหนด 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับมอบงานก่อสร้างแล้ว ยึดหน่วง/หักค่าเสียหายได้ แต่ไม่มีสิทธิเบี้ยปรับหากไม่สงวนสิทธิ
โจทก์ทวงถามจำเลยให้ส่งมอบงานพ้นกำหนดเวลาที่กำหนดในสัญญาและได้เข้าอยู่ในบ้านพิพาทขณะที่จำเลยขนย้ายออกจากบ้านพิพาทถือได้ว่าโจทก์รับมอบงานจากจำเลยแล้ว โจทก์มิได้กล่าวสงวนสิทธิเรียกเอาค่าปรับฐานผิดสัญญาไว้ จึงไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากจำเลย เมื่องานก่อสร้างของจำเลยล่าช้าเกินกำหนดเวลาตามสัญญาและมีความชำรุดบกพร่อง โจทก์ชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้จนกว่าจำเลยจะซ่อมแซมเสร็จแต่เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาและเข้าอยู่ในบ้านพิพาทก็ชอบที่จะหักเป็นค่าซ่อมแซมความเสียหายตามควรค่าแห่งการนั้นได้หากมีค่าสินจ้างเหลือต้องคืนให้จำเลยไม่ชอบที่โจทก์จะไม่ชำระค่าสินจ้างเสียเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4664/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง: การชำระค่างานที่ทำเสร็จแล้ว แม้มีข้อตกลงยึดหน่วงได้ แต่ต้องหักลบกับค่าเสียหายจริงเท่านั้น
โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผิดสัญญาฟ้องเรียกเอาค่าการงานที่โจทก์ได้ทำให้จำเลยไปแล้ว และการงานนั้นตกได้แก่จำเลยโดยไม่อาจทำให้ คืนสภาพเดิมได้ แม้จะมีข้อสัญญาให้การงานที่ทำไปแล้วตกเป็นของ จำเลยโดยโจทก์ไม่อาจเรียกค่าทดแทนได้ แต่สัญญาข้อดังกล่าวกำหนด ไว้เพื่อเอาการงานที่ทำไปเป็นการประกันหรือชดใช้ค่าเสียหายของ จำเลยส่วนหนึ่งอันจะพึงมีในกรณีที่โจทก์ผิดสัญญาและจำเลยได้บอก เลิกสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ หรือให้การโดยชัดแจ้งว่าจำเลยได้รับความเสียหายเกินกว่าค่าของ การงานที่โจทก์ทำไป ทั้งยังให้การรับว่าค่าการงานที่โจทก์ทำไปตก ได้แก่จำเลยคิดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระเงิน ในส่วนที่จำเลยได้รับประโยชน์จากค่าการงานของโจทก์ตามที่จำเลย ให้การรับ มาจะยึดหน่วงสินจ้างไว้ทั้งสิ้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหน่วงสินจ้างจากการก่อสร้างชำรุด และการชำระค่าจ้างเพิ่มเติม
โจทก์ก่อสร้างอาคารตามข้อตกลงในสัญญารวมทั้งส่วนที่ตกลงเพิ่มเติมให้จำเลยเสร็จแล้ว แต่ปรากฏว่าตัวอาคารมีรอยร้าวตามส่วนต่างๆ หลายแห่งอันควรจะต้องได้รับการแก้ไขอันแสดงถึงผลงานที่ไม่เรียบร้อย และโจทก์ไม่หาประกันมาให้จำเลยตามที่เรียกร้องได้ จำเลยจึงชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 599ส่วนค่าจ้างเกี่ยวกับการก่อสร้างเพิ่มเติมนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อชำรุดบกพร่องแต่อย่างใด จำเลยก็ต้องชำระสินจ้างในส่วนนี้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งานจ้างบกพร่อง ผู้รับจ้างต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แม้ผู้ว่าจ้างจะยึดหน่วงค่าจ้างได้ แต่ต้องชำระส่วนที่เหลือ
งานที่ทำบกพร่องไม่เป็นไปตามสัญญา ผู้ว่าจ้างต้องใช้ค่าจ้างที่หักค่าเสียหายออกแล้วแก่ผู้รับจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2702/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดหน่วงค่าจ้างจากสัญญาซ่อมแซม: สิทธิและขอบเขตความรับผิดของผู้รับจ้าง
โจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ให้จำเลยรับมอบไปตามที่ตกลงจ้างกันแล้ว จำเลยเอารถออกใช้งาน ปรากฏว่ากระบอกไฮโดรลิครั่วไม่มีแรงดันยกใบมีดด้านหน้า ความชำรุดบกพร่องเหล่านี้จำเลยไม่พึงพบได้ในขณะส่งมอบ ซึ่งโจทก์ยังจะต้องรับผิดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 598 และจำเลยมีสิทธิที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามมาตรา 599 เพื่อให้โจทก์แก้ไขความชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลาอันสมควรถ้าโจทก์ไม่ยอมแก้ไข จำเลยจึงจะเอารถแทรกเตอร์ไปให้คนอื่นซ่อมได้ โดยโจทก์จะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ตามมาตรา 594 เมื่อโจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ตามที่จำเลยแจ้งให้ทราบไปครั้งหนึ่งแล้ว จำเลยนำรถไปใช้งานหนักถึง 5 เดือนแล้วจึงให้บริษัท ย. ยกเครื่องใหม่ แม้ว่าโจทก์ยังจะต้องรับผิดสำหรับรายการซ่อมบางรายการที่โจทก์ซ่อมมาแล้วแต่เมื่อจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทำการแก้ไขความชำรุดบกพร่องเสียก่อน และโจทก์ปฏิเสธ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และจำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้างที่ค้างไว้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2702/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซ่อมแซมรถแทรกเตอร์: สิทธิและหน้าที่ของผู้รับจ้างซ่อมเมื่อเกิดความชำรุดหลังส่งมอบและการยึดหน่วงค่าจ้าง
โจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ให้จำเลยรับมอบไปตามที่ตกลงจ้างกันแล้ว จำเลยเอารถออกใช้งาน ปรากฏว่ากระบอกไฮโดรลิครั่ว ไม่มีแรงดันยกใบมีดด้านหน้า ความชำรุดบกพร่องเหล่านี้จำเลยไม่พึงพบได้ในขณะส่งมอบ ซึ่งโจทก์ยังจะต้องรับผิดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 598 และจำเลยมีสิทธิ์ที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามมาตรา 599 เพื่อให้โจทก์แก้ไขความชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลาอันสมควร ถ้าโจทก์ไม่ยอมแก้ไข จำเลยจึงจะเอารถแทรกเตอร์ไปให้คนอื่นซ่อมได้ โดยโจทก์จะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ตามมาตรา 594 เมื่อโจทก์ซ่อมรถแทรกเตอร์ตามที่จำเลยแจ้งให้ทราบไปครั้งหนึ่งแล้ว จำเลยนำรถไปใช้งานหนักถึง 4 เดือน แล้วจึงให้บริษัท ย. ยกเครื่องใหม่ แม้ว่าโจทก์ยังจะต้องรับผิดสำหรับรายการซ่อมบางรายการที่โจทก์ซ่อมมาแล้ว แต่เมื่อจำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทำการแก้ไขความชำรุดบกพร่องเสียก่อนและโจทก์ปฏิเสธ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และจำเลยไม่มีสิทธิ์ยึดหน่วงค่าจ้างที่ค้างไว้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากสัญญาจ้างทำของ: ความชำรุดบกพร่อง vs. ผิดสัญญา
ความชำรุดบกพร่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 หมายความถึงความชำรุดบกพร่องซึ่งเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 598,599 และ600. อันหมายถึงความชำรุดบกพร่องในตัวทรัพย์ที่ผู้รับจ้างส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างครบถ้วนแล้ว มิใช่หมายถึงการไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างทำของ: ความชำรุดบกพร่องตามมาตรา 601 กับการไม่ส่งมอบงานให้ครบถ้วน
ความชำรุดบกพร่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 601 หมายความถึงความชำรุดบกพร่องซึ่งเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 598, 599 และ600. อันหมายถึงความชำรุดบกพร่องในตัวทรัพย์ที่ผู้รับจ้างส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างครบถ้วนแล้ว มิใช่หมายถึงการไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนชำระหนี้สละสิทธิยึดหน่วง & อายุความสะดุดหยุดเมื่อรับสภาพหนี้
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์. โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ. โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข. ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้ว.อีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศ.ให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้าง. สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ. เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้าง.เป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป. สัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียง.ว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด. ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ.
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ. แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ. จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว. จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น.
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้. เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย. จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้.
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้น. ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512).
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ. แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ. จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว. จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น.
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้. เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย. จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้.
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้น. ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512).