คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 44

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3609/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมาย แม้ไม่ได้มี พ.ร.ฎ. กำหนด ศาลไม่มีอำนาจริบหากเจ้าของไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิด
ไม้ยางเป็นไม้ที่กำหนดโดย พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7วรรคแรก ให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักร จึงไม่จำต้องมี พ.ร.ฎ.กำหนดให้ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามประเภทใดอีก
จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรเฉพาะไม้ยาง 1 ท่อน ที่อยู่ในครอบครองของจำเลยซึ่งไม้ยางดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจยึดกลับคืนมาได้แล้วและจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลักไม้ยางของผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคาไม้ยางที่ถูกลักไปแต่ยังหาไม่พบ
แม้ไม้ยางที่พบอยู่ในครอบครองของจำเลยเป็นไม้ที่จำเลยได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้ยางอันยังมิได้แปรรูปโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 ประกอบมาตรา 69แต่ไม้ยางดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ ตาม ป.อ. มาตรา 33 ประกอบ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 74 แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์และฎีกาปัญหานี้ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3609/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้หวงห้าม, การรับของโจร, และอำนาจริบของกลาง: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเรื่องไม้หวงห้าม, การชดใช้ค่าเสียหาย, และการริบของกลาง
ไม้ยางเป็นไม้ที่กำหนดโดย พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 7 วรรคแรก ให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชการอาณาจักร จึงไม่จำต้องมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามประเภทใดอีก จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรเฉพาะไม้ยาง 1 ท่อน ที่อยู่ในครอบครองของจำเลยซึ่งไม้ยางดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจยึดกลับคืนมาได้แล้วและจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลักไม้ยางของผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคาไม้ยางที่ถูกลักไปแต่ยังหาไม่พบ แม้ไม้ยางที่พบอยู่ในครอบครองของจำเลยเป็นไม้ที่จำเลยได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้ยางอันยังมิได้แปรรูปโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7 ประกอบมาตรา 69 แต่ไม้ยางดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33ประกอบพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์และฎีกาปัญหานี้ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 195วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: พยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์จำนวนและราคาทรัพย์ ศาลจำกัดการบังคับชดใช้เฉพาะทางแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามลักทรัพย์โจทก์ร่วมไปหลายรายการขอให้ลงโทษและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 664,945บาท แก่โจทก์ร่วม แม้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3ลักทรัพย์โจทก์ร่วมไปบางรายการ แต่พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมายังไม่อาจฟังเป็นยุติว่า สินค้าที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ลักไปมีจำนวนและราคาเท่าใด จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 คืนทรัพย์หรือใช้ราคาให้แก่โจทก์ร่วมได้ ชอบที่โจทก์ร่วมจะไปว่ากล่าวเอาทางแพ่งแก่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจรเฉพาะบางส่วน และผลของการตกลงค่าเสียหาย ทำให้ไม่ต้องคืนทรัพย์
++ ทดสอบการทำงานในเครื่องด้วยระบบ CW ++
++ เรื่อง ลักทรัพย์ รับของโจร ++
++ จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพหน้าของกลาง ส่วนวงล้อหน้าของกลางข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้เสียหาย การที่จำเลยไม่ต้องการให้ถอดเอาโช้กอัพหน้าและวงล้อหน้าไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพ กับวงล้อดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ อีก จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลย ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่องานห้องสมุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพ แต่ตกลงช่วยเหลือค่าเสียหาย ทำให้ไม่ต้องคืนทรัพย์
จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพหน้าของกลางส่วนวงล้อหน้าของกลางข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้เสียหายการที่จำเลยไม่ต้องการให้ถอดเอาโช้กอัพหน้าและวงล้อหน้าไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพ กับวงล้อดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ อีกจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีอาญาต้องรอคดีถึงที่สุด แม้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคแรก การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วคำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด มาตรา 44 วรรคสองบัญญัติว่า ให้รวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายย่อมจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. บทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีในคดีอาญาต้องรอจนคดีถึงที่สุด แม้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา245 วรรคแรก คำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด เป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44 วรรคสองโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา ในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้นให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยรับของโจร ผู้เสียหายได้ทรัพย์คืนแล้ว ไม่ต้องชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน แม้ไม่ได้อุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะเตารีดไฟฟ้า และจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะวิทยุสเตอริโอเท่านั้น เมื่อทรัพย์ทั้งสองสิ่งนี้ผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยอื่นคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 3 ไม่ได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาก็แก้ไขเสียให้ถูกต้องได้เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจรและการคืนทรัพย์สิน ผู้เสียหายได้ทรัพย์คืนแล้วไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มเติม
จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะเตารีดไฟฟ้า และจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะวิทยุสเตอริโอเท่านั้น เมื่อทรัพย์ทั้งสองสิ่งนี้ผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยอื่นคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 3 ไม่ได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมาศาลฎีกาก็แก้ไขเสียให้ถูกต้องได้เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยถึงแก่ความตาย ทำให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปด้วย
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาวิ่งราวทรัพย์สร้อยข้อมือทองคำหนักสองสลึง 1 เส้น ราคา 2,800 บาท ของผู้เสียหายและมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) มีผลให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปในตัว ศาลฎีกามีคำสั่งจำหน่ายคดี
of 7