พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3914/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีหลังได้รับแจ้งนัดพิจารณา ถือเป็นการทิ้งคดี ศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีได้
ศาลนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้อง ของ โจทก์ในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึดพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มอบฉันทะให้ ช.มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องและฟังคำสั่งศาล แม้ใบมอบฉันทะจะไม่ระบุชัดว่าให้ฟังคำสั่งศาลในเรื่องอะไร แต่โจทก์ก็ทราบว่าศาลนัดพิจารณาคำร้องกับสืบพยานโจทก์พร้อมกัน และศาลต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ของ โจทก์ด้วย จึงถือได้ว่าโจทก์มอบฉันทะเพื่อฟังคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ของ โจทก์ด้วย เมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและเลื่อนการพิจารณาคำร้องไป โดยให้โจทก์วางเงินค่านำส่งหมายนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติและไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ถือว่าโจทก์ทิ้งคำร้อง และศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3914/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบฉันทะเพื่อฟังคำสั่งศาลและการเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีทำให้ศาลจำหน่ายคดีได้
ศาลนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องของโจทก์ในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึดพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มอบฉันทะให้ ช. มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องและฟังคำสั่งศาล แม้ใบมอบฉันทะจะไม่ระบุชัดว่าให้ฟังคำสั่งศาลในเรื่องอะไร แต่โจทก์ก็ทราบว่าศาลนัดพิจารณาคำร้องกับสืบพยานโจทก์พร้อมกัน และศาลต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ด้วย จึงถือได้ว่าโจทก์มอบฉันทะเพื่อฟังคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์ด้วย เมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และเลื่อนการพิจารณาคำร้องไป โดยให้โจทก์วางเงินค่านำส่งหมายนัดแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติและไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ก็ต้องถือว่าโจทก์ทิ้งคำร้อง และศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3735/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการส่งสำเนาอุทธรณ์ ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ พ้นกำหนดโจทก์ไม่นำส่ง ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งแต่ศาลอุทธรณ์กลับพิจารณาและพิพากษาคดีไป โดยมิได้มีคำสั่งเรื่องโจทก์มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา มาตรา 243(2) จำเลยฎีกา ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาล, การฟ้องรวมกัน, ทิ้งฟ้อง, การคำนวณทุนทรัพย์, ศาลจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นได้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาจนกระทั่งจำเลยให้การและศาลนัดชี้สองสถานแล้ว จึงได้พบเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องรวมกันมาทั้ง ๆ ที่แต่ละคนสามารถฟ้องได้โดยลำพังตนเอง น่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมศาล จึงได้กำหนดเวลาให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมศาลเสียให้ถูกต้อง อันเป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ไม่ใช่มาตรา 18 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการทิ้งฟ้อง ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความได้ตาม มาตรา 132 และกรณีนี้ไม่เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งที่ศาลจะมีอำนาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์ได้ตาม มาตรา 151 ในกรณีที่ทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันได้ หรือโจทก์แต่ละคนมีสิทธิเรียกร้องที่สามารถจะฟ้องคดีได้โดยลำพังตนเอง หากโจทก์ฟ้องรวมกันเป็นคดีเดียว ค่าขึ้นศาลต้องคำนวณตามทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายความต้องทำตามแบบฟอร์มและลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความ มิฉะนั้นถือว่ายังไม่ได้แต่งตั้ง
การตั้งทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61นั้น ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวความและทนายความ และตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนายความกำหนดให้ผู้ที่รับเป็นทนายความลงลายมือชื่อไว้ในคำรับเป็น ทนายความด้วย ดังนั้น หากทนายโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความแม้ในใบแต่งทนายความโจทก์ได้ระบุชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความของโจทก์ และทนายโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อโจทก์ไว้แล้ว ทั้งคำรับเป็นทนายความก็ปรากฏชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความตามใบอนุญาตที่ระบุไว้ ก็จะถือว่าทนายโจทก์ได้รับเป็นทนายความของโจทก์โดยปริยายแล้วหาได้ไม่
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายความต้องทำตามฟอร์มและลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความ หากไม่ครบถ้วนถือว่ายังไม่ได้แต่งตั้งโดยชอบ
การตั้งทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 61นั้น ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวความและทนายความ และตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนายความกำหนดให้ผู้ที่รับเป็นทนายความลงลายมือชื่อไว้ในคำรับเป็นทนายความด้วย ดังนั้น หากทนายโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความแม้ในใบแต่งทนายความโจทก์ได้ระบุชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความของโจทก์ และทนายโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อโจทก์ไว้แล้ว ทั้งคำรับเป็นทนายความก็ปรากฏชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความตามใบอนุญาตที่ระบุไว้ ก็จะถือว่าทนายโจทก์ได้รับเป็นทนายความของโจทก์โดยปริยายแล้วหาได้ไม่
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้.
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาทั้งหมด ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์ทั้งสองนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายใน 7 วัน โจทก์ทั้งสองทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่ไม่ไปนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนดเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลอุทธรณ์ย่อมมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาทั้งหมด ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์ทั้งสองนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายใน 7 วัน โจทก์ทั้งสองทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่ไม่ไปนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนดเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ศาลอุทธรณ์ย่อมมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง ถือเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2)
การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะ บางส่วนเป็นกรณีที่ต้องอยู่ในบทบังคับของการอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. เพื่อให้อีกฝ่ายได้ทราบถึงข้ออุทธรณ์ซึ่งหากมีข้อคัดค้านอย่างใดก็จะได้แก้ อุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง และโจทก์ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามกรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ ทำให้ศาลจำหน่ายคดีได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายใน 15 วัน โดยสั่งในวันที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นอุทธรณ์ ถือได้ว่าผู้ร้องขัดทรัพย์ทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว แต่ผู้ร้องขัดทรัพย์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ภายใน 15 วัน ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถือได้ว่าผู้ร้องขัดทรัพย์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แล้ว ศาลย่อมสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้.(ที่มา-ส่งเสริม)