คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 174

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากความบกพร่องของผู้รับมอบอำนาจ ถือเป็นความรับผิดของผู้มอบหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ในวันเดียวกับที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์และให้โจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยใน 7 วันโจทก์เพียงมายื่นคำร้องว่าเสมียนทนายไม่ดำเนินการเสียค่าพาหนะและนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายหลังยื่นอุทธรณ์ถึง 2 เดือนเศษทั้งรับว่าได้มอบหมายให้เสมียนทนายดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ แสดงว่า โจทก์ทราบคำสั่งศาลดีแล้วว่าต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยภายใน 7 วันนับแต่วันยื่นอุทธรณ์การที่เสมียนทนายซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ไม่ดำเนินการให้เป็นความบกพร่องของโจทก์เองไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะฟังว่าโจทก์มิได้มีเจตนาทิ้งอุทธรณ์.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 731/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ ถือเป็นการทิ้งฟ้องตามกฎหมาย
การทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้โดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 246
จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในวันเดียวกันโดยกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายใน 10 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์จำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยหรือผู้แทนไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์และไม่ได้ดำเนินการตามกำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในวันที่ 21 มกราคม 2528 หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ พนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2528 ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2528 จำเลยยื่นคำแถลงว่าได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์แล้วแต่ส่งให้ไม่ได้ขอให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ใหม่ ซึ่งแสดงว่าจำเลยได้ทราบผลการส่งสำเนาอุทธรณ์นั้นแล้ว การที่จำเลยไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246กรณีเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์และไม่ดำเนินการภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน วันที่ 21 มกราคม 2528 หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ พนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2528 ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2528 จำเลยยื่นคำแถลงว่าได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์แล้วแต่ส่งให้ไม่ได้ขอให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ใหม่ ซึ่งแสดงว่าจำเลยได้ทราบผลการส่งสำเนาอุทธรณ์นั้นแล้ว การที่จำเลยไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 กรณีเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์
ในวันที่ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ และกำหนดเวลาให้ผู้อุทธรณ์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ศาลได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปกรมบังคับคดีเพื่อรอการนำส่งแล้ว ผู้อุทธรณ์ไม่นำส่ง จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ข้อที่อ้างว่าในทางปฏิบัติอีกฝ่ายจะมารับสำเนาอุทธรณ์จากเจ้าหน้าที่เอง ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ การเข้าใจผิดและการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่10มกราคม2528ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน15วันโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันหมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบโจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อเจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16มกราคม2528แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่17มกราคม2528โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วและโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่าการที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้นเป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง6วันโจทก์จึงมิได้นำส่งอีกแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งแต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่14มกราคม2528ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้วจึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีกตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่ากรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมายทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใดดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำส่งหมายเรียก/สำเนาอุทธรณ์ล่าช้า/เข้าใจผิด ไม่ถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้ว เพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ล่าช้า ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ หากมีเหตุเข้าใจผิดเกิดขึ้น
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่ง ให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำ หมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการ นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าว หลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่ง ดังกล่าวลงวันที่14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระ ค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่ง ของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะ หมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียก ให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการขยายเวลาวางค่าธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยพฤติการณ์พิเศษได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่1นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของตนให้แก่โจทก์จำเลยที่1นำส่งแล้วแต่ส่งไม่ได้และต่อมาได้แถลงต่อศาลว่ากระบวนพิจารณาอยู่ในขั้นตอนระหว่างศาลกับจำเลยที่1ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ขอให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ต่อมาศาลสั่งให้จำเลยที่1นำส่งใหม่แต่มิได้กำหนดเวลาให้นำส่งภายในกี่วันจำเลยที่1ไปติดต่อนำส่งหมายเมื่อพ้น7วันซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหมายดังนี้คำแถลงของจำเลยที่1มิได้ยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลพฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1ทิ้งอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1เพราะจำเลยที่1มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนดศาลอุทธรณ์พิพากษากลับอนุญาตให้จำเลยที่1ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมแล้วให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์มิได้พิจารณาเนื้อหาในอุทธรณ์จึงมิใช่คำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์อันจะถึงที่สุดตามมาตรา236คู่ความจึงฎีกาได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์แล้วก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยว่ามีการทิ้งอุทธรณ์หรือไม่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่1มิได้ทิ้งอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยต่อไปถึงพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่1ตามคำร้องได้.
of 26