คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 290

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 222 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย เข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำ และกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า เพียงทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุโกรธเคือง
ผู้ตายกับจำเลยที่ 2 โต้เถียงกัน แล้วจำเลยที่ 2 หยิบไม้กว้างและหนาด้านละประมาณ 3 นิ้วฟุต ยาวศอกเศษที่อยู่บนพื้นดินบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้นเองตีผู้ตาย 2-3 ที ผู้ตายยกแขนรับและหันไปหาไม้มาต่อสู้ จำเลยที่ 1 เข้าไปทางด้านข้างผู้ตาย แล้วใช้เก้าอี้ไม้กลมไม่มีพนักตีผู้ตาย 1 ที ถูกที่แขนและศีรษะล้มลง แล้วจำเลยทั้งสองก็หยุดทำร้ายมิได้กระทำซ้ำ ผู้ตายมีแผลที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคม คางด้านซ้ายช้ำบวม และแขนซ้ายขวาท่อนล่างช้ำแดง และถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ไม่เข้าข้อยกเว้นป้องกันตัว
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตายจึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไมจำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุงปล่อยให้ลูกหุงกินเองผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มันจำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็หยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลยจำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาลผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์ คือ ศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตาย จึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไม จำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุง ปล่อยให้ลูกหุงกินเอง ผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มัน จำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็ไปหยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลย จำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาล ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์คือศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้ แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2942/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าและเหตุชุลมุน
จำเลยกับพวกอีก 3 คน กลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว โดยผู้ตายมิได้สมัครใจเข้าต่อสู้ด้วย การที่ผู้ตายต่อสู้ปัดป้องจึงมิใช่การร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
ผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงเพียงแผลเดียว แม้จะถูกที่สำคัญ แต่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นขณะชุลมุนกัน ไม่รู้ว่าใครแทงและแทงในลักษณะใด (สาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเป็นเพียงสาเหตุที่จำเลยกับพวกเข้าทำร้ายผู้ตายเท่านั้น) พฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงผู้อื่นเสียชีวิตโดยเจตนา: พฤติการณ์สำคัญบ่งชี้เจตนาฆ่า
ผู้ตายถูกต่อยเซไปเพราะเข้าไปห้ามมิให้คนสองฝ่ายทะเลาะกัน แล้วจำเลยวิ่งเข้าไปแทงผู้ตายฝ่ายเดียว พฤติการณ์เช่นนี้หาใช่เป็นการฉุกละหุกจนจำเลยไม่อาจกำหนดแน่ได้ว่าจะแทงให้ถูกผู้ตายตรงไหนไม่ได้ไม่การที่จำเลยแทงถูกชายโครงด้านซ้ายของผู้ตายเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะแทงให้ถูกผู้ตายตรงอวัยวะสำคัญ ผู้ตายมีบาดแผลเป็นรูปปีกกายาวประมาณ 4.5 เซนติเมตร ทะลุเข้าปอดและทะลุช่องท้องไปถูกม้าม แสดงว่าจำเลยจ้วงแทงจากเบื้องสูงลงไปโดยแรงด้วยเหล็กขูดชาร์ฟยาว 21 เซนติเมตรแม้จะแทงเพียงทีเดียวก็ย่อมแลเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงต่อเนื่องหลังห้ามศึกทะเลาะวิวาท ศาลฎีกาตัดสินผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ผู้ตายถูกต่อยเซไปเพราะเข้าไปห้ามมิให้คนสองฝ่ายทะเลาะกัน แล้วจำเลยวิ่งเข้าไปแทงผู้ตายฝ่ายเดียว พฤติการณ์เช่นนี้หาใช่เป็นการฉุกละหุกจนจำเลยไม่อาจกำหนดแน่ได้ว่าจะแทงให้ถูกผู้ตายตรงไหนไม่ได้ไม่ การที่จำเลยแทงถูกชายโครงด้านซ้ายของผู้ตายเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะแทงให้ถูกผู้ตายตรงอวัยวะสำคัญ ผู้ตายมีบาดแผลเป็นรูปปีกกายาวประมาณ 4.5 เซนติเมตร ทะลุเข้าปอดและทะลุช่องท้องไปถูกม้าม แสดงว่าจำเลยจ้วงแทงจากเบื้องสูงลงไปโดยแรงด้วยเหล็กขูดชาร์ฟยาว 21 เซนติเมตร แม้จะแทงเพียงทีเดียวก็ย่อมแลเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การติดตั้งเครื่องป้องกันทรัพย์สินและการกระทำของผู้บุกรุก
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไป ในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้าย ผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กระแสไฟฟ้าป้องกันการลักทรัพย์
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่นๆไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไปในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้ายผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์
ตามคำบรรยายฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้นได้กล่าวว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นรวมการกระทำ โดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 5
of 23