คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 290

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 222 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในขณะที่ถูกทำร้ายก่อน ศาลตัดสินเป็นฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
จำเลยตีทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายติดตามเข้าไปทำร้ายจำเลยกำลังติดพันอยู่ จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกตีทำร้ายผู้ตายได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในขณะป้องกันตัว: ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
จำเลยตีทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายติดตามเข้าไปทำร้ายจำเลยกำลังติดพันอยู่จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกตีทำร้ายผู้ตายได้ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายมาก่อนการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในขณะป้องกันตัว ศาลตัดสินความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
จำเลยตีทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายติดตามเข้าไปทำร้ายจำเลยกำลังติดพันอยู่ จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกตีทำร้ายผู้ตายได้ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและฆ่าโดยไม่เจตนาจากฤทธิ์สุรา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยที่1เมาสุราใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งตัวทั้งด้ามประมาณ1คืบแทงเปะปะไปโดยมิได้เลือกว่าเป็นที่ใดและแทงผู้ตายไปทีเดียวจะฟังว่ามีเจตนาฆ่ายังไม่ถนัดการกระทำของจำเลยที่1เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและฆ่าโดยไม่เจตนา: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 เมาสุราใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งตัวทั้งด้ามประมาณ 1 คืบ แทงเปะปะไปโดยมิได้เลือกว่าเป็นที่ใด และแทงผู้ตายไปทีเดียว จะฟังว่ามีเจตนาฆ่ายังไม่ถนัด การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ที ที่บริเวณคางด้านขวา บาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว 7 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร ขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบ ปลายจมูกฉีกขาด บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้ การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย บริเวณอวัยวะสำคัญจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง4นิ้วหนา1นิ้วยาวประมาณ1เมตรตีผู้ตายอย่างแรง1ทีที่บริเวณคางด้านขวาบาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว7เซนติเมตรกว้าง2เซนติเมตรลึก5เซนติเมตรขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบปลายจมูกฉีกขาดบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง4นิ้วหนา1นิ้วยาวประมาณ1เมตรตีผู้ตายอย่างแรง1ทีที่บริเวณคางด้านขวาบาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว7เซนติเมตรกว้าง2เซนติเมตรลึก5เซนติเมตรขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบปลายจมูกฉีกขาดบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาททำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษหนักได้หากไม่เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด1ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288เพิ่มอีกบทหนึ่งก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดีจำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดีเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้. กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไปและจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตายการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295บทเดียวย่อมไม่ถูกต้องเมื่อคดีมีการอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น. เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290ประกอบด้วยมาตรา83อีกบทหนึ่งต่างหากจากมาตรา295เท่านั้นและต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุดแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นจำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษในคดีวิวาททำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจปรับบทได้แต่ต้องไม่หนักกว่าเดิม
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เพิ่มอีกบทหนึ่ง ก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดี จำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดี เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไป และจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 บทเดียว ย่อมไม่ถูกต้อง เมื่อคดีมีการอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้ หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น
เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบด้วยมาตรา 83 อีกบทหนึ่ง ต่างหากจากมาตรา 295 เท่านั้น และต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุด แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น จำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด
of 23