พบผลลัพธ์ทั้งหมด 772 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ กรณีมีทางแยกและเห็นรถอื่น ศาลพิจารณาความเร็วและโอกาสชะลอรถ
พ. ขับรถยนต์ด้วยความเร็ว 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแม้ไม่เกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด แต่ตรงที่เกิดเหตุมีทางแยกจะต้องขับรถให้ช้าลงกว่านี้อีก การที่ พ. ขับรถด้วยความเร็วดังกล่าวและขณะที่ขับรถมาใกล้จะถึงที่เกิดเหตุก็ได้เห็นรถที่จอดรออยู่ตรงเกาะกลางถนนแล้ว ก็น่าจะชะลอความเร็วของรถลงบ้างหรือมิฉะนั้นเมื่อเห็นมีรถซึ่งรออยู่ตรงเกาะกลางถนนแล่นตัดหน้าไปคันหนึ่งแล้ว ก็ควรห้ามล้อให้รถชะลอความเร็วลงได้ โดยไม่จำเป็นต้องหักรถหลบไปจนปีนเกาะกลางถนนดังนี้ถือได้ว่า พ. มีส่วนประมาทด้วย
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้อง พ. ว่าขับรถยนต์โดยประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้ถูกฟ้องด้วยดังนี้แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะวินิจฉัยว่าไม่อาจถือว่าพ. ขับรถโดยประมาทก็ตาม การพิพากษาคดีนี้ก็ไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีก่อน.
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้อง พ. ว่าขับรถยนต์โดยประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้ถูกฟ้องด้วยดังนี้แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะวินิจฉัยว่าไม่อาจถือว่าพ. ขับรถโดยประมาทก็ตาม การพิพากษาคดีนี้ก็ไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการประเมินความรับผิดชอบในอุบัติเหตุทางถนน
พ. ขับรถยนต์ด้วยความเร็ว 50 - 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ไม่เกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด แต่ตรงที่เกิดเหตุมีทางแยกจะต้องขับรถให้ช้าลงกว่านี้อีก การที่ พ. ขับรถด้วยความเร็วดังกล่าวและขณะที่ขับรถมาใกล้จะถึงที่เกิดเหตุก็ได้เห็นรถที่จอดรออยู่ตรงเกาะกลางถนนแล้ว ก็น่าจะชะลอความเร็วของรถลงบ้างหรือมิฉะนั้นเมื่อเห็นมีรถซึ่งรออยู่ตรงเกาะกลางถนนแล่นตัดหน้าไปคันหนึ่งแล้ว ก็ควรห้ามล้อให้รถชะลอความเร็วลงได้ โดยไม่จำเป็นต้องหักรถหลบไปจนปีนเกาะกลางถนนดังนี้ถือได้ว่า พ. มีส่วนประมาทด้วย
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้อง พ. ว่าขับรถยนต์โดยประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้ถูกฟ้องด้วย ดังนี้แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะวินิจฉัยว่าไม่อาจถือว่าพ. ขับรถโดยประมาทก็ตาม การพิพากษาคดีนี้ก็ไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีก่อน.
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้อง พ. ว่าขับรถยนต์โดยประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้ถูกฟ้องด้วย ดังนี้แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะวินิจฉัยว่าไม่อาจถือว่าพ. ขับรถโดยประมาทก็ตาม การพิพากษาคดีนี้ก็ไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา หากข้อเท็จจริงเป็นมูลเดียวกัน
โจทก์ได้เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ศาลในคดีอาญาฟังว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกและพิพากษายกฟ้อง คดีอาญาถึงที่สุด โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดซึ่งข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยเป็นมูลกรณีเดียวกันคือ จำเลยได้บุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ ศาลในคดีแพ่งจึงจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ ตามบทบัญญัติมาตรา 46 แห่ง ป.วิ.อ..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา หากข้อเท็จจริงเป็นประเด็นเดียวกัน
โจทก์ได้เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ศาลในคดีอาญาฟังว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกและพิพากษายกฟ้อง คดีอาญาถึงที่สุด โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดซึ่งข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยเป็นมูลกรณีเดียวกันคือ จำเลยได้บุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ ศาลในคดีแพ่งจึงจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ ตามบทบัญญัติมาตรา 46 แห่งป.วิ.อ..(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าพนักงานท้องถิ่น, การมอบอำนาจ, การรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย, การเว้นทางเดินหลังอาคาร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโจทก์มอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 โจทก์เป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีฐานะเป็นบุคคลและเอกสารที่มอบอำนาจดังกล่าวก็ปรากฏว่าโจทก์มอบอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ดังนี้อำนาจของหัวหน้าเขตที่ได้กระทำแก่จำเลยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ย่อมมีผลเท่ากับเป็นการกระทำของโจทก์เองโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 33กำหนดให้ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ผู้ว่าฯและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นใดนอกจากการออกตามวาระ การที่ปลัดกรุงเทพมหานครลงนามในคำสั่งมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ว่า ฯ ย่อมเป็นการกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยไม่สืบหักล้างว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรจึงต้องถือว่าคำสั่งมอบอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มิได้สืบเนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จึงมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522ข้อ 76(4) กำหนดให้ต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกัน กว้างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และมีกฎกระทรวง (พ.ศ.2498) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479 ข้อ 21 บังคับมาแต่เดิมแล้วว่า ห้องแถว ตึกแถวให้ทำกว้างไม่น้อยกว่า 350 เซนติเมตรระหว่างผนัง และต้องมีทางคนเข้าออกได้ทั้งข้างหน้ากับข้างหลัง เช่นนี้ หากปรากฏว่าเดิมมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ด้านหลังอาคารพิพาทเต็มเนื้อที่จริง ก็เป็นเรื่องที่ผู้อาศัยแต่เดิมทำผิดกฎหมายมาแต่แรกจำเลยจะอาศัยการกระทำของผู้อื่นที่ผิดกฎหมายมาสวมรอยเพื่อซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้เหมือนของเดิมหรือผิดแผกแตกต่างไปบ้างหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมนั้นออกไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 33กำหนดให้ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ผู้ว่าฯและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นใดนอกจากการออกตามวาระ การที่ปลัดกรุงเทพมหานครลงนามในคำสั่งมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ว่า ฯ ย่อมเป็นการกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยไม่สืบหักล้างว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรจึงต้องถือว่าคำสั่งมอบอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มิได้สืบเนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จึงมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522ข้อ 76(4) กำหนดให้ต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกัน กว้างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และมีกฎกระทรวง (พ.ศ.2498) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479 ข้อ 21 บังคับมาแต่เดิมแล้วว่า ห้องแถว ตึกแถวให้ทำกว้างไม่น้อยกว่า 350 เซนติเมตรระหว่างผนัง และต้องมีทางคนเข้าออกได้ทั้งข้างหน้ากับข้างหลัง เช่นนี้ หากปรากฏว่าเดิมมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ด้านหลังอาคารพิพาทเต็มเนื้อที่จริง ก็เป็นเรื่องที่ผู้อาศัยแต่เดิมทำผิดกฎหมายมาแต่แรกจำเลยจะอาศัยการกระทำของผู้อื่นที่ผิดกฎหมายมาสวมรอยเพื่อซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้เหมือนของเดิมหรือผิดแผกแตกต่างไปบ้างหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมนั้นออกไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง: สิทธิในที่ดินยังไม่ชัดเจน การไถที่ดินไม่ถึงขั้นบุกรุก
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียงสิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาท ก็ขาดเจตนาบุกรุกจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก ดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทที่ดิน: คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง, อายุความ, พยานหลักฐาน
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียง สิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาทก็ขาดเจตนาบุกรุก จำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุกดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสิทธิที่ดิน: คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียงสิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาท ก็ขาดเจตนาบุกรุกจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก ดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา และความรับผิดทางละเมิดต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ทางแพ่ง
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกัน และแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญา ก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอก ม. แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 280/2520)
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 280/2520)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาในคดีอาญา และการประเมินความประมาทเลินเล่อ
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุดโจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายคู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกันและแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญาก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกม.แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม11ฉบับเป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริงความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญากรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ.2498มาตรา54ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดคดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหารไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไปส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาคำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้นแต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่องๆไปกระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อยหน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการจำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์. (อ้างฎีกาที่280/2520).