พบผลลัพธ์ทั้งหมด 772 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาญาแล้วมาพิสูจน์สัญชาติใหม่ในคดีแพ่ง ขัดต่อหลักกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาว่าเป็นคนต่างด้าว หลบหนี้เข้ามาในประเทศไทย จำเลยรับสารภาพจนศาลพิพากษาไป คดีถึงที่สุดแล้วภายหลังจำเลยจะมาฟ้องเป็นคดีต่อศาลพิศูจน์ว่าจำเลยเป็นคนไทยนั้น เป็นการขัดต่อ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 46 ศาลย่อมไม่ยอมให้จำเลยสืบตามข้ออ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง: การพิพากษาคดีแพ่งต้องยึดตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญา
คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาปนแพ่งขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนด้วยนั้น ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงทรัพย์ ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์ เมื่อพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ฉ้อโกงเอาทรัพย์ของโจทก์ไปซึ่งจะลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้แล้ว ก็จะให้จำเลยรับผิดใช้ทรัพย์แก่โจทก์ไม่ได้ด้วย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงทรัพย์ ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์ เมื่อพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ฉ้อโกงเอาทรัพย์ของโจทก์ไปซึ่งจะลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้แล้ว ก็จะให้จำเลยรับผิดใช้ทรัพย์แก่โจทก์ไม่ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: ข้อจำกัดการใช้ ป.วิ.อาญา มาตรา 46 กับบุคคลภายนอกคดี
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 46 ที่ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาานั้น ไม่ประสงค์จะให้คำชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญามีผลผูกพันถึงบุคคลนอกคดีด้วย ฉะนั้นถ้าบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแต่เฉพาะในคดีส่วนแพ่งเท่านั้นแล้ว ก็จะนำหลักในมาตรา 46 มาใช้แก่บุคคลภายนอกนั้นไม่ได้
ทำใบมอบฉันทะเพื่อยกที่ดินให้ผู้มีชื่อแล้ว ผู้มีชื่อกลับเอาใบมอบฉันทะนั้น ไปใช้ในการจำนองที่ดินนั้นแก่โจทก์ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับจำนองแก่เจ้าของที่ดินนั้นได้
ทำใบมอบฉันทะเพื่อยกที่ดินให้ผู้มีชื่อแล้ว ผู้มีชื่อกลับเอาใบมอบฉันทะนั้น ไปใช้ในการจำนองที่ดินนั้นแก่โจทก์ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับจำนองแก่เจ้าของที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อบุคคลภายนอก และอำนาจบังคับจำนอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ที่ ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น ไม่ประสงค์จะให้คำชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญามีผลผูกพันถึงบุคคลนอกคดีด้วย ฉะนั้นถ้าบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแต่เฉพาะในคดีส่วนแพ่งเท่านั้นแล้ว ก็จะนำหลักในมาตรา 46มาใช้แก่บุคคลภายนอกนั้นไม่ได้
ทำใบมอบฉันทะเพื่อยกที่ดินให้ผู้มีชื่อแล้ว ผู้มีชื่อกลับเอาใบมอบฉันทะนั้น ไปใช้ในการจำนองที่ดินนั้นแก่โจทก์ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับจำนองแก่เจ้าของที่ดินนั้นได้
ทำใบมอบฉันทะเพื่อยกที่ดินให้ผู้มีชื่อแล้ว ผู้มีชื่อกลับเอาใบมอบฉันทะนั้น ไปใช้ในการจำนองที่ดินนั้นแก่โจทก์ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับจำนองแก่เจ้าของที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้เงินเพื่อรักษาญาติและการมอบทรัพย์สินเพื่อต่างดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ป้ากู้เงินผู้อื่นมาโดยเอาสวนของหลานมอบให้เขาใช้ต่างดอกเบี้ยแล้วเอาเงินที่กู้มาใช้จ่ายในการรักษาหลานซึ่งวิกลจริตอยู่ ดังนี้จะว่าป้ายักยอกเอาสวนหรือเงินที่กู้มาไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่ถนัด ยังไม่เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบทรัพย์สินเพื่อใช้รักษาพยาบาล ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
ป้ากู้เงินผู้อื่นมาโดยเอาสวนของหลานมอบให้เขาใช้ต่างดอกเบี้ย แล้วเอาเงินที่กู้มาใช้จ่ายในการรักษาหลานซึ่งวิกลจริตอยู่ ดังนี้จะว่าป้ายักยอกเอาสวนหรือเงินที่กู้มาไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่ถนัด ยังไม่เป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 314
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยเรื่องตัวแทนในคดีแพ่ง แม้คดีอาญายกฟ้อง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้องแต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรงซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใด ศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้องแต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรงซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใด ศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลฎีกาไม่ผูกพันข้อเท็จจริงในส่วนแพ่งที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง แต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่า ผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใดศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง แต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่า ผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใดศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งและอาญาปนกัน ศาลฎีกาต้องใช้ข้อเท็จจริงเดิมจากคดีอาญาที่ยุติแล้วในการพิจารณาคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคาเกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาและแพ่งปนกัน ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับศาลล่างในส่วนอาญา แม้ฎีกาเฉพาะแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคา เกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา