พบผลลัพธ์ทั้งหมด 772 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับขายสินค้าโดยไม่มีอำนาจ และความรับผิดฐานละเมิด แม้จะเชื่อโดยสุจริต
การพิจารณาคดีส่วนแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาส่วนการชี้ขาดคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องดำเนินตามมาตรา 47 กล่าวคือดูว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นจำเลยต้องรับผิดในทางแพ่งประการใดหรือไม่ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าจำเลยผิดในทางอาญา และต้องมีโทษหรือไม่อย่างไร
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่างๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูกแม้จะเชื่อโดยสุจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายและผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตามถ้าปรากฏว่าการกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอนๆ ได้ความชัดว่าจำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2,3,4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมายเป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่างๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูกแม้จะเชื่อโดยสุจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายและผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตามถ้าปรากฏว่าการกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอนๆ ได้ความชัดว่าจำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2,3,4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมายเป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง: การรุกที่ดิน
ศาลพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ว่า 'ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตโฉนดของตนอยู่แค่ไหนจำเลยจะบุกรุกเข้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไป ก็เพราะสังเกตไว้เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหายฯลฯ'ดังนี้ ถือว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย เป็นแต่ว่า ผู้เสียหายไม่รู้เขตที่ คือนำสืบไม่ชัดว่า ที่ดินของผู้เสียหายแค่ไหน จึงลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์แล้ว ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งว่าจำเลยรุกที่ดินโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสุจริตในทางอาญาและแพ่งต่างกัน การวินิจฉัยคดีแพ่งต้องพิจารณาความสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
ในคดีอาญาศาลพิพากษาว่าคดีโจทก์ไม่พอฟังว่า จำเลยได้รู้เห็นสมคบในการรับโอนที่ดินโดยทุจริต และจำเลยก็นำสืบได้สมว่า ซื้อไว้โดยสุจริตใจแล้วชี้ขาดว่า หลักฐานไม่พอฟังว่า จำเลยเกี่ยวข้องกับการทุจริตนั้น ย่อมหมายความแต่เพียงว่า จำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตอันเป็นผิดในคดีอาญาเท่านั้นจะฟังว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินนั้นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้
คำว่าสุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญาต่างกับคำว่าสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นในเรื่องได้ทรัพย์มาสำหรับตามกฎหมายลักษณะอาญาหมายความเพียงว่า ไม่รู้สึกตนว่าทำการติดต่อกับผู้ร้าย ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมายความว่า ไม่รู้หรือไม่ควรจะรู้ถึงความบกพร่องแห่งกรรมสิทธิ์ที่มีมาในอดีต
การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเพียงไร
คำว่าสุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญาต่างกับคำว่าสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นในเรื่องได้ทรัพย์มาสำหรับตามกฎหมายลักษณะอาญาหมายความเพียงว่า ไม่รู้สึกตนว่าทำการติดต่อกับผู้ร้าย ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมายความว่า ไม่รู้หรือไม่ควรจะรู้ถึงความบกพร่องแห่งกรรมสิทธิ์ที่มีมาในอดีต
การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเพียงไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่งเรื่องหนี้ และการไม่เข้าข่ายลาภมิควรได้
จำเลยชนะคดีแพ่งเรื่องเรียกเงินกู้จากโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงคดีอาญาคดีถึงที่สุดและยึดทรัพย์ชำระหนี้แล้ว ภายหลังศาลสูงพิพากษาในคดีอาญาว่าโจทก์ไม่ได้ทำหนังสือกู้ให้จำเลยดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องเรียกเงินคืนไม่ได้เพราะเป็นการฟ้องซ้ำ และการรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งมีผลบังคับตามกฎหมายนั้น ไม่เข้าลักษณะลาภมิควรได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญาไม่ลงโทษ ย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการเรียกร้องทางแพ่ง
ไนคดีก่อนโจทฟ้องจำเลยถานยักยอกทรัพย์ที่ยืม จำเลยต่อสู่ว่าซื้อ สาลวินิฉัยว่าหลักถานโจทนำสืบขัดกันยังไม่พอลงโทส จึงไห้ยกฟ้องดังนี้ โจทมาฟ้องคดีแพ่งและนำสืบว่าจำเลยยืมทรัพย์นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งหลังศาลยกฟ้องคดีอาญา – ยืมทรัพย์และข้อพิสูจน์
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ที่ยืม. จำเลยต่อสู้ว่าซื้อ. ศาลวินิจฉัยว่าหลักฐานโจทก์นำสืบขัดกันยังไม่พอลงโทษ จึงให้ยกฟ้อง. ดังนี้ โจทก์มาฟ้องคดีแพ่งและนำสืบว่าจำเลยยืมทรัพย์นั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเลือกตั้งหลังมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ศาลฎีกาไม่ผูกพันข้อเท็จจริงจากคดีแพ่ง
ข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นโต้เถียงแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.195,255,
การพิจารณาคดีอาญาจะยกเอาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งมาเป็นหลักสำคัญลงโทษจำเลยในคดีส่วนอาญาหาได้ไม่ในกรณีที่ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนและให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยจำต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาตามพ.ร.บ.เลือกตั้ง แก้ไข 2479 มาตรา 52 นั้น เมื่อศาลฎีกาจะพิจารณาคดีส่วนอาญาสำหรับกรณีเรื่องนี้อีกก็ไม่มีกฎหมายใดผูกพันศาลฎีกาให้จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่เคยจำต้องฟังมาแล้วในคดีเพิกถอนการเลือกตั้ง
การพิจารณาคดีอาญาจะยกเอาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งมาเป็นหลักสำคัญลงโทษจำเลยในคดีส่วนอาญาหาได้ไม่ในกรณีที่ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนและให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยจำต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาตามพ.ร.บ.เลือกตั้ง แก้ไข 2479 มาตรา 52 นั้น เมื่อศาลฎีกาจะพิจารณาคดีส่วนอาญาสำหรับกรณีเรื่องนี้อีกก็ไม่มีกฎหมายใดผูกพันศาลฎีกาให้จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่เคยจำต้องฟังมาแล้วในคดีเพิกถอนการเลือกตั้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนรถ: ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
+ของโจทก์จำเลยโดน+แต่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยความประมาทเลินเล่อของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ ประมวลวิธีพิจารณาอายา ม.46,47 ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.1 (11) โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในการที่รถจำเลยชนรถโจทก์ปรากฎว่าก่อนฟ้องคดีนี้อัยยการได้ฟ้องโจทก์จำเลยหาว่าขับรถโดนกันโดยประมาทกรณีดังนี้ถือว่าโจทก์จำเลยในคดีแพ่งเปนคู่ความกันมาแล้วในคดีอาญา ศาลย่อมถือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ+พิพากษาคดีส่วน+เปนหลักในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งได้