คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 172

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 166 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยเจตนาแจ้งความเท็จเป็นข้อเท็จจริง ห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
การวินิจฉัยว่า คำแจ้งความของจำเลยที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเป็นการสุจริตใจหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยเจตนาแจ้งความเท็จเป็นข้อเท็จจริง ห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
การวินิจฉัยว่า คำแจ้งความของจำเลยที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเป็นการสุจริตใจหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจละเว้นการจับผู้กระทำผิด ขัดขวางพยาน ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด ได้ประสพเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดจาขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจละเว้นหน้าที่ช่วยเหลือการจับกุมผู้กระทำผิด และขัดขวางพยาน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ประสบเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จทำให้ถูกสอบสวน: คดีมีมูลควรพิจารณา แม้ไม่ประสงค์ดำเนินคดี
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโจทก์บุกรุกเข้าไปอยู่ในห้องของจำเลยนั้น แม้จำเลยผู้แจ้งจะไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดีก็ตาม แต่จากคำแจ้งความนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกโจทก์กับพวกไปสอบสวน เมื่อโจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้เช่นนี้ ซึ่งถ้าเป็นจริงโจทก์ก็น่าจะได้รับความเสียหาย นั้น นับว่าคดีของโจทก์มีมูล ควรได้รับการพิจารณาแล้ว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นถูกสอบสวน – แม้ไม่ประสงค์ดำเนินคดี ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายได้
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโจทก์บุกรุกเข้าไปอยู่ในห้องของจำเลย นั้น แม้จำเลยผู้แจ้งจะไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดีก็ตาม แต่จากคำแจ้งความนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกโจทก์กับพวกไปสอบสวน เมื่อโจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้เช่นนี้ ซึ่งถ้าเป็นจริงโจทก์ก็น่าจะได้รับความเสียหาย นั้น นับว่าคดีของโจทก์มีมูล ควรได้รับการพิจารณาแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและสิทธิในทรัพย์มรดก: ฟ้องต้องระบุความจริงชัดเจน
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องแจ้งความเท็จ: การบรรยายความจริงผู้ครอบครองทรัพย์มรดก
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ความว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์บุกรุกห้องเลขที่ 185 ตำบลท่าข้าม และลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยทราบว่าห้องที่กล่าวนี้และทรัพย์ที่หาว่าโจทก์ลักไป เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายเทศโจทก์ได้ครอบครองอยู่ก่อนแล้วในฐานผู้รับมรดกและจัดการมรดกของนายเทศตามพินัยกรรมจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์เหล่านี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137,172 ตามฟ้องนี้โจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว ทั้งความเท็จที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนและความจริงที่โจทก์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ก่อนแล้วจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าความจริงโจทก์ไม่ได้บุกรุกหรือบุกรุกแต่มีสิทธิที่จะทำได้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิด: การแจ้งความโดยไม่รู้ตัวผู้กระทำผิดก่อน แล้วจึงกล่าวหาภายหลังถือเป็นความเท็จ
จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจว่ารถจักยานถูกขโมยไป ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย ต่อมาจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์เป็นคนร้าย โดยตนเห็นและได้ไล่ติดตามโจทก์ในคืนเกิดเหตุด้วย เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งความว่าไม่รู้ตัวคนร้าย แล้วต่อมาให้การว่าเห็นตัวคนร้ายถือเป็นการแจ้งความเท็จ
จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจว่ารถจักรยานถูกขโมยไป ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย ต่อมาจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์เป็นคนร้าย โดยตนเห็นและได้ไล่ติดตามโจทก์ในคืนเกิดเหตุด้วย เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
of 17