คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 297

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 319 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงของการบาดเจ็บต่อฟันและการป่วยเจ็บ
จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ใช้ให้ บ.ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 2 ซี่ เมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเกิดอันตรายสาหัส: การพิจารณาความรุนแรงของการบาดเจ็บและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ใช้ให้ บ.ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 2 ซี่ เมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากการชุลมุนช่วยเหลือญาติ ศาลตัดสินว่าไม่มีเจตนาฆ่า เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสอง ผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 91 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากเหตุชุลมุน: ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงขั้นฆ่า
ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสองผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,91 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นถาวร
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้าย ฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัสจากการถูกทำร้าย ตาบอดถาวร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อนเป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ2เดือนหลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาลไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสียแม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้และได้ความจากโจทก์ร่วมว่าก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากันขณะเบิกความเห็นรางๆตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวาดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความร้ายแรงของบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยใช้มีดยาว 8 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วแทงผู้เสียหายถูกที่หัวไหล่ 2 แผล ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 วัน และไม่สามารถประกอบกรณียกิจโดยปกติอีก 2 เดือน โดยไม่ปรากฏว่าตั้งใจเลือกแทงอวัยวะสำคัญนั้น กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 เมื่อมิได้บรรยายว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร จึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้เพียง มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและอาวุธที่ใช้
จำเลยใช้มีดขนาดยาว 8 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วแทงผู้เสียหายถูกที่หัวไหล่ 2 แผล โดยไม่ปรากฏว่าตั้งใจเลือกแทงอวัยวะสำคัญ บาดแผลที่หนึ่งขนาด 6 คูณ 2 เซนติเมตรลึกทะลุแขน ส่วนแผลที่สองขนาด 3 คูณ 1 เซนติเมตรแผลทะลุ ผู้เสียหายรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 วัน และไม่สามารถประกอบกรณียกิจโดยปกติอีก 2 เดือน เช่นนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร จึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและการทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. โดยเจตนาฆ่า แต่ ส.ไม่ถึงแก่ความตายเพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 ด้วย เช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส มาตรา 297 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา
of 32