คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 297

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 319 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3235/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า และบันดาลโทสะ: พฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธมีคม
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ที่เกิดเหตุมืดสลัว ผู้เสียหายเตะจำเลยก่อน จำเลยจึงฟันผู้เสียหายไป 1 ที แล้วมิได้ฟันซ้ำอีกซึ่งลักษณะของขวานของกลางเป็นอาวุธที่หนักและมีคม ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าก็ย่อมจะฟันแรง บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจึงไม่ฉกรรจ์ ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีเรื่องหมางใจกันมาก่อน ดังนี้ จำเลยมีเจตนาทำร้ายไม่มีเจตนาฆ่า การที่ผู้เสียหายเตะจำเลยก่อนถูกอัณฑะโดยไม่มีเหตุผลใด ๆเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยฟันผู้เสียหายไปในทันที ดังนี้ เป็นการกระทำเพราะบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2236/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงผู้อื่น แม้แทงครั้งเดียว ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงเจตนาและอาวุธร้ายแรง
จำเลยใช้มีดปลายแหลมแบบชายธงยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ10 นิ้วแทงผู้เสียหาย 1 ที ที่บริเวณหน้าท้องด้านซ้าย ปากแผลกว้าง 3 เซนติเมตร เปลวไขมันไหล เลือดตกในประมาณ 500 ซี.ซี. ลำไส้เล็กถลอก พังผืดในช่องท้องมีเลือดซึมตลอดเวลา ต้องรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัดผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีดที่จำเลยใช้นับว่าเป็นอาวุธที่ใหญ่และร้ายแรงอาจทำลายชีวิตได้ และจำเลยเสือกมีดแทงขณะเข้าเผชิญหน้าโถมตัวเข้ามุ่งประทุษร้ายด้วยอาวุธสู่อวัยวะสำคัญ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย แม้จะแทงเพียงครั้งเดียวขณะมีการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2236/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงในขณะวิวาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดปลายแหลมแบบชายธงยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ10 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ที ที่บริเวณหน้าท้องด้านซ้าย ปากแผลกว้าง 3 เซนติเมตร เปลวไขมันไหล เลือดตกในประมาณ 500 ซี.ซี. ลำไส้เล็กถลอก พังผืดในช่องท้องมีเลือดซึมตลอดเวลา ต้องรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัด ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีดที่จำเลยใช้นับว่าเป็นอาวุธที่ใหญ่และร้ายแรงอาจทำลายชีวิตได้และจำเลยเสือกมีดแทงขณะเข้าเผชิญหน้าโถมตัวเข้ามุ่งประทุษร้ายด้วย อาวุธสู่อวัยวะสำคัญ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย แม้จะแทงเพียงครั้งเดียวขณะมีการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยหลายกรรมจากการทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า ศาลฎีกาอนุญาตให้เรียงกระทงได้หากโจทก์ประสงค์
ฟ้องว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกาย ห.ถูกที่บริเวณอก และแทง ย. ถูกที่บริเวณท้อง จนลำไส้ทะลุโดยเจตนาฆ่าแต่ ห. และ ย. ไม่ถึงแก่ความตาย แต่เป็นเหตุให้ ห. และ ย. ได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 เห็นได้ว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม ศาลฎีกาเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกัน - โจทก์ประสงค์ลงโทษสองกรรม ศาลฎีกาเรียงกระทงได้
ฟ้องว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกาย ห.ถูกที่บริเวณอก และแทง ย. ถูกที่บริเวณท้อง จนลำไส้ ทะลุโดยเจตนาฆ่าแต่ ห. และ ย. ไม่ถึงแก่ความตาย แต่ เป็นเหตุให้ ห. และ ย. ได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 เห็นได้ว่าโจทก์ ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรมศาลฎีกาเรียงกระทงลงโทษ จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้ามฟ้อง คดีพาอาวุธที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มีอัตราโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และโจทก์บรรยายฟ้องข้อหาตามมาตรา 371 กับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 เป็นกรณีต่างกรรมกัน มิใช่เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 297 จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้องรับพิจารณาความผิดตาม มาตรา 371 ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยุติไปแล้ว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา371 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพาอาวุธและการทำร้ายร่างกาย: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์และหลักต่างกรรมกัน
ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มีอัตราโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และโจทก์บรรยายฟ้องข้อหาตามมาตรา 371 กับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 เป็นกรณีต่างกรรมกัน มิใช่เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 297 จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้องรับพิจารณาความผิดตาม มาตรา 371 ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยุติไปแล้ว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา371 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: ศาลพิจารณาจากลักษณะการกระทำและอาวุธที่ใช้เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทมาตราที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้มีดปอกผลไม้ทั้งด้ามและตัวมีดยาวเพียง 1 คืบ แทงผู้เสียหายไป 1 ที ขณะชกต่อยกัน แล้วมิได้แทงซ้ำอีก แสดงว่าไม่มีเจตนาฆ่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ไม่ผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: พิจารณาจากลักษณะการกระทำและอาวุธที่ใช้ เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานทำร้ายร่างกายหรือพยายามฆ่า
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทมาตราที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้มีดปอกผลไม้ทั้งด้ามและตัวมีดยาวเพียง 1 คืบแทงผู้เสียหายไป 1 ที ขณะชกต่อยกัน แล้วมิได้แทงซ้ำอีก แสดงว่าไม่มีเจตนาฆ่าจากข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ไม่ผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย ศาลยืนตามข้อวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เรื่องบาดแผลสาหัสและเหตุบันดาลโทสะ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222
เหตุเกิดขึ้นเพราะฝ่ายโจทก์ร่วมกับจำเลยทะเลาะวิวาทด่าว่าแล้วท้าทายกัน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยทำร้ายโจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ลักษณะที่ทำไปเพราะบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
โจทก์ร่วมถูกฟันด้วยมีด มีบาดแผลฉีกขาด ขอบเรียบที่ต้นแขน ปลายแขน ส่วนบนและบริเวณข้อมือขวารวม 3 แห่งขนาดบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกผ่านชั้นกล้ามเนื้อแขนและตัดผ่านประสาทที่ไปเลี้ยงแขนต้องรักษาตัว 2 เดือนเศษ จึงหายเป็นปกติแต่ทำงานหนักไม่ได้ ลักษณะบาดเจ็บของโจทก์ร่วมดังกล่าวถึงอันตรายสาหัสต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) แล้ว
โจทก์ร่วมวิ่งตามนาง พ.ไปเห็นจำเลยตบหน้านางพ. แล้วเงื้อมีดดาบจะฟัน โจทก์ร่วมจึงผลักนาง พ. ให้พ้นทางไป ขณะนั้นเองจำเลยก็ฟันถูกโจทก์ร่วมถึง 3 ครั้งลักษณะการทำร้ายของจำเลยดังกล่าวมิใช่เนื่องในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299
of 32