คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 297

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 319 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การทำร้ายด้วยอาวุธมีดต่อเนื่อง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์
แม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่และตัวมีดยาว 45 เซนติเมตรก็ตาม. แต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่. จำเลยก็ฟันที่กลางหลังเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอ. เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป. จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก. บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายจากการผลักผู้อื่นจนล้มบาดเจ็บ ผู้กระทำเล็งเห็นผลได้
จำเลยจะทำร้ายบุตรของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าไปขัดขวาง จำเลยผลักผู้เสียหาย ทำใหผู้เสียหายล้มลง ดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า เมื่อผู้เสียหายล้มลงแล้วผู้เสียหายจะได้รับผลอย่างไร ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ย่อมเป็นผลแห่งการกระทำโดยเจตนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายจากการผลักผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจะทำร้ายบุตรของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าไปขัดขวาง จำเลยผลักผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายล้มลง ดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า เมื่อผู้เสียหายล้มลงแล้ว ผู้เสียหายจะได้รับผลอย่างไร ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ย่อมเป็นผลแห่งการกระทำโดยเจตนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายจากการผลักผู้อื่นล้ม: การเล็งเห็นผลกระทบ
จำเลยจะทำร้ายบุตรของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าไปขัดขวาง จำเลยผลักผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายล้มลง ดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า เมื่อผู้เสียหายล้มลงแล้วผู้เสียหายจะได้รับผลอย่างไร ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ย่อมเป็นผลแห่งการกระทำโดยเจตนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนผู้อื่นประกอบกิจตามปกติไม่ได้เกิน 20 วันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายแล้ว 3 วัน จึงเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 20 วัน เมื่อนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นเวลา 23 วัน ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินระยะเวลาการรักษาพยาบาลเพื่อพิจารณาความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิน 20 วัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายแล้ว 3 วัน จึงเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 20 วัน เมื่อนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นเวลา 23 วัน ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกัดเพื่อป้องกันการจมน้ำ ถือเป็นการใช้สิทธิป้องกันตนเอง
จำเลยกับผู้เสียหายมีปากเสียงกัน ผู้เสียหายท้าทายจำเลย ๆ ไม่ยอมรับคำท้ามุ้งหน้าจะกลับบ้าน ผู้เสียหายตามไปกระชากแขนและต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและตกลงไปในคลองด้วยกัน จำเลยถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัด จำเลยจึงกัดผู้เสียหายหูขาด ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการโต้เถียงเป็นปากเสียงกันได้ขาดตอนไปแล้วโดยจำเลยไม่ยอมรับคำท้า แต่ผู้เสียหายได้ตามไปต่อยจำเลยก่อน มิใช่เป็นการสมัครใจวิวาทกัน และเมื่อตกลงในคลอง จำเลยก็ถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัดอีก จำเลยจึงกัดไปบ้างเพื่อมิให้ถูกผู้เสียหายกดจมน้ำตาย ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกัดเพื่อป้องกันการจมน้ำ ถือเป็นการป้องกันสิทธิในชีวิต
จำเลยกับผู้เสียหายมีปากเสียงกัน ผู้เสียหายท้าทายจำเลย ๆไม่ยอมรับคำท้ามุ่งหน้าจะกลับบ้าน ผู้เสียหายตามไปกระชากแขนและต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและตกลงไปในคลองด้วยกันจำเลยถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัด จำเลยจึงกัดผู้เสียหายหูขาดดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการโต้เถียงเป็นปากเสียงกันได้ขาดตอนไปแล้วโดยจำเลยไม่ยอมรับคำท้า แต่ผู้เสียหายได้ตามไปต่อยจำเลยก่อน มิใช่เป็นการสมัครใจวิวาทกัน และเมื่อตกลงในคลอง จำเลยก็ถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัดอีก จำเลยจึงกัดไปบ้างเพื่อมิให้ถูกผู้เสียหายกดจมน้ำตาย ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสถานการณ์ป้องกัน: การกระทำเกินกว่าเหตุเพื่อป้องกันทรัพย์สิน
เมื่อข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันว่าบริเวณหมู่บ้านจำเลย มีโจรผู้ร้ายชุกชุม จำเลยเคยถูกคนร้ายลักเป็ดและลักเรือไปแล้ว 4 ครั้ง จำเลยจึงได้ล้อมรั้วชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง เมื่อก่อนที่จะเกิดเหตุคดีนี้เพียงเดือนเดียว คืนเกิดเหตุจำเลยจอดเรือไว้ที่ท่าทะเลสาบ 2 ลำและมีเป็ดอีก 800 ตัว ผู้เสียหายและพวกได้เดินผ่านประตูเข้าไปในรั้วบ้านชั้นนอกของจำเลยเมื่อ 01.00 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาดึกดื่นโดยมิได้บอกกล่าวขออนุญาตเสียก่อน เมื่อจำเลยร้องถามว่าใคร ผู้เสียหายก็ร้องตอบแต่เพียงว่า ผม ไม่บอกชื่อให้ชัดเจน จำเลย จึงยิงผู้เสียหายเพราะสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย แต่การที่จำเลยยิงผู้เสียหายไปในพฤติการณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยสำคัญผิดเกินเหตุ: การกระทำเกินกว่ากรณีจำเป็นเพื่อป้องกันทรัพย์สิน
เมื่อข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันว่าบริเวณหมู่บ้านจำเลยมีโจรผู้ร้ายชุกชุม จำเลยเคยถูกคนร้ายลักเป็ดและลักเรือไปแล้ว 4 ครั้ง จำเลยจึงได้ล้อมรั้วชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง เมื่อก่อนที่จะเกิดเหตุคดีนี้เพียงเดือนเดียว คืนเกิดเหตุจำเลยจอดเรือไว้ที่ท่าทะเลสาบ 2 ลำและมีเป็ดอีก 800 ตัว ผู้เสียหายและพวกได้เดินผ่านประตูเข้าไปในรั้วบ้านชั้นนอกของจำเลยเมื่อ 01.00 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาดึกดื่นโดยมิได้บอกกล่าวขออนุญาตเสียก่อน เมื่อจำเลยร้องถามว่าใคร ผู้เสียหายก็ร้องตอบแต่เพียงว่า ผม ไม่บอกชื่อให้ชัดเจน จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพราะสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย แต่การที่จำเลยยิงผู้เสียหายไปในพฤติการณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 69
of 32