พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607/2562
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมหลังมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกโดยไม่มีพินัยกรรมแล้ว ศาลต้องรับคำร้อง
เดิมผู้ร้องเป็นผู้คัดค้านในคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง ถ. และ อ. กับผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกัน อ. กับผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 อ. กับผู้ร้องยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องคัดค้านและเพิ่มเติมอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่าเพิ่งพบพินัยกรรมของผู้ตายระบุให้ น. และผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและตัดไม่ให้ทรัพย์สินแก่ ถ. ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกคำร้อง โดยเห็นว่า อ. กับผู้ร้องชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่อศาลชั้นต้น และต่อมามีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของผู้ตายในคดีนี้ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลเดียวกันกับที่เคยมีคำสั่งตั้ง ถ. เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้อง โดยผู้ร้องอ้างในคำร้องถึงรายละเอียดในคดีที่เคยยื่นคำร้องคัดค้านในคดีก่อน และแนบคำสั่งศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมแทน แม้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องใหม่เข้ามาและมีการลงเลขคดีดำใหม่ ก็เป็นเพียงเรื่องปฏิบัติในทางธุรการของศาลเท่านั้น กรณีถือได้ว่าผู้ร้องได้เสนอคำร้องต่อศาลในคดีก่อน ตามนัย แห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 7 (4) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7635/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกคดีพิสูจน์กรรมสิทธิ์ที่ดิน แม้ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 และคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้าน โดยผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ในขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลภายนอกคดีมีอำนาจที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 (2) ผู้คัดค้านชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลอย่างคดีมีข้อพิพาทเป็นคดีใหม่ และกรณีนี้มิใช่เป็นกรณีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 7 (4) เพราะคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ไม่ใช่คำสั่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งตามความหมายของ ป.วิ.พ. มาตรา 7 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถต่อศาลเดิม และการรับทราบคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความ-สามารถต่อศาลชั้นต้นเดียวกันกับที่มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของผู้คัดค้าน โดยแนบคำร้องและคำสั่งในคดีที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถมาพร้อมคำร้อง แม้ปรากฏว่ามีการลงเลขคดีดำใหม่ในคำร้องก็เป็นเพียงทางปฏิบัติในทางธุรการของศาล ถือได้ว่าผู้ร้องได้เสนอคำร้องต่อศาลในคดีที่ได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (4) แล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้าน ต่อมาผู้ร้องนำพนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดไต่สวนและสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้าน ณ ภูมิลำเนาของผู้คัดค้านโดยผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกับผู้คัดค้านรับไว้แทน ถือว่าผู้คัดค้านทราบเรื่องที่ผู้ร้องยื่นคำร้องแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้าน ต่อมาผู้ร้องนำพนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดไต่สวนและสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้าน ณ ภูมิลำเนาของผู้คัดค้านโดยผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกับผู้คัดค้านรับไว้แทน ถือว่าผู้คัดค้านทราบเรื่องที่ผู้ร้องยื่นคำร้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำร้องเพิกถอนการเป็นคนไร้ความสามารถ การส่งหมายถึงผู้คัดค้านโดยผู้รับแทน ถือว่าผู้คัดค้านทราบแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถต่อศาลชั้นต้นเดียวกันกับที่มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของผู้คัดค้านโดยแนบคำร้องและคำสั่งในคดีที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถมาพร้อมคำร้องแม้ปรากฏว่ามีการลงเลขคดีดำใหม่ในคำร้องก็เป็นเพียงทางปฏิบัติในทางธุรการของศาลถือได้ว่าผู้ร้องได้เสนอคำร้องต่อศาลในคดีที่ได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(4)แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้านต่อมาผู้ร้องนำพนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดไต่สวนและสำเนาคำร้องให้ผู้คัดค้านณภูมิลำเนาของผู้คัดค้านโดยผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกับผู้คัดค้านรับไว้แทนถือว่าผู้คัดค้านทราบเรื่องที่ผู้ร้องยื่นคำร้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ: การเสนอคำร้องในคดีเดิม แม้มีการลงเลขคดีดำใหม่
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเดียวกันกับที่มีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของผู้คัดค้านทั้งได้อ้างในคำร้องถึงรายละเอียดในคดีดังกล่าวโดยแนบคำร้องและคำสั่งศาลมาพร้อมและมีคำขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแม้จะมีการลงเลขคดีดำใหม่ในคำร้องก็เป็นเพียงทางปฏิบัติทางธุรการของศาลถือว่าผู้ร้องได้เสนอคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(4)แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลเฉพาะ และเขตอำนาจศาลที่คู่ความมีภูมิลำเนา
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 7(4) ศาลที่คู่กรณีพึงตกลงกันให้ฟ้องคดีจะต้องเป็นศาลที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือมูลคดีเรื่องนั้นได้เกิดขึ้น หรือทรัพย์สินที่พิพาทกันนั้นตั้งอยู่ในเขตศาลอย่างใดอย่างหนึ่ง คดีนี้โจทก์กับจำเลยทั้งสองทำสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันและตกลงกันว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง ให้เสนอคดีต่อศาลในกรุงเทพมหานคร เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และขณะที่ทำสัญญาดังกล่าวโจทก์ยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่เดิม ภูมิลำเนาของโจทก์ขณะทำสัญญาจึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่ง กรณีพึงเห็นเจตนาของโจทก์จำเลยที่ระบุในสัญญาว่าให้เสนอคดีต่อศาลในกรุงเทพมหานครก็คือศาลแพ่งนั่นเอง โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลแพ่งได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลในกรุงเทพฯ และเขตอำนาจศาลเมื่อโจทก์มีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง
สัญญาเช่าซื้อและค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองได้กำหนดไว้ด้วยว่า ให้เสนอคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นจากสัญญาดังกล่าวต่อศาลในกรุงเทพมหานคร และเมื่อขณะทำสัญญานั้นโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่งกรณีย่อมพึงเห็นเจตนาของโจทก์จำเลยทั้งสองได้ว่า ศาลในกรุงเทพมหานครที่ระบุในสัญญาให้เสนอคดีนั้นก็คือศาลแพ่งนั่นเอง โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลแพ่งได้. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2530)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา7โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตังและสาขาตรังให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานครโจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: โจทก์ผูกพันต้องฟ้องตามข้อตกลง แม้จะมีเขตอำนาจอื่น
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง แม้ศาลอื่นจะมีอำนาจ
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้