พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกใช้สิทธิเจ้าหนี้มีประกัน: สิทธิเหนือทรัพย์สิน VS. การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 หรือมาตรา 96 เหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเพียงมาตราเดียว หากเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 แล้ว ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้นตามมาตรา 95 อีกต่อไป และต้องขอรับชำระหนี้ทั้งหมดของตนที่มีทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 ผู้ร้องจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 เพื่อเป็นหลักประกันในการที่ผู้ร้องรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน 12 ฉบับที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่ผู้อื่น ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 11 ฉบับ สำหรับที่ดินที่จำเลยไว้ อันเป็นการเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา96(3) แล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือที่ดินที่จำนองตามมาตรา 95 อีกต่อไป และเมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับที่ 12ภายในกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้นั้นอีกต่อไปพระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 101 ให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้ค้ำประกันผู้ค้ำประกันร่วมหรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้ ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่น มิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงิน ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 91เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกใช้สิทธิเจ้าหนี้มีประกัน: มาตรา 95 หรือ 96 และผลของการไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามกำหนด
ในการใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินใดอันเป็นหลักประกัน เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 95 หรือมาตรา 96 มาตราใดมาตราหนึ่งเพียงมาตราเดียว หากเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 แล้ว ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้นตามมาตรา 95 อีกต่อไป และต้องขอรับชำระหนี้ทั้งหมดของตนที่มีทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อีกต่อไป
พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 101 บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันร่วม หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้ ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่น ยังมิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงินผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 91 เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว
ฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 101 บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันร่วม หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้ ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่น ยังมิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงินผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 91 เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว
ฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีประกันเลือกสิทธิได้ระหว่างใช้สิทธิจำนองหรือขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แต่ต้องเลือกเพียงอย่างเดียว และต้องยื่นคำขอภายในกำหนดเวลา
ในการใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินใดอันเป็นหลักประกันเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 95 หรือมาตรา 96 มาตราใดมาตราหนึ่งเพียงมาตราเดียวหากเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 แล้ว ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้นตามมาตรา 95 อีกต่อไป และต้องขอรับชำระหนี้ทั้งหมดของตนที่มีทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อีกต่อไปพระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย มาตรา 101 บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้ค้ำประกันผู้ค้ำประกันร่วม หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้ ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่น ยังมิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงินผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 91 เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว ฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3756/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย: ผลของการไม่บังคับจำนองตามคำพิพากษาเดิม
ในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยกับพวกให้ร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่ผู้ร้อง มิฉะนั้นให้นำทรัพย์จำนองของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ผู้ร้องนั้น ศาลเพียงแต่พิพากษาให้จำเลยร่วมกับพวกชำระหนี้แก่ผู้ร้องเท่านั้น มิได้กล่าวถึงการบังคับจำนองด้วย จึงต้องถือว่าคำฟ้องที่ผู้ร้องขอให้บังคับจำนอง ศาลนั้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อผู้ร้องไม่อุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษานั้นจึงผูกพันผู้ร้องมิให้บังคับจำนองตามสัญญาจำนองรายนี้ต่อไป ดังนั้นผู้ร้องจึงหามีสิทธิเหนือทรัพย์สินในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันในทางจำนองตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 95 อีกไม่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246, 247 และ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย: การขอเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนไม่เป็นประโยชน์และเป็นผลร้ายต่อลูกหนี้
การที่จะอนุญาตให้เจ้าหนี้มีประกันผู้ร้อง ซึ่ง จ.พ.ท. มีคำสั่งอนุญาตให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนองในฐานะเจ้าหนี้มีประกันโดยเจ้าหนี้ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม ซึ่งไม่ยอมรับหน้าที่นั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าหนี้มีประกันเพราะ เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเฉพาะเหนือทรัพย์สินอันลูกหนี้ได้ให้ไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น หาอาจจะบังคับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ได้ไม่ ทั้งจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่หมดโอกาสในการที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายอีกด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย: การขอเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทน
การที่จะอนุญาตให้เจ้าหนี้มีประกันผู้ร้องซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ มีคำสั่งอนุญาตให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนองในฐานะเจ้าหนี้มีประกันโดยผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม ซึ่งไม่ยอมรับหน้าที่นั้น ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ร้อง เพราะเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเฉพาะเหนือทรัพย์สินอันลูกหนี้ได้ให้ไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น หาอาจจะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ได้ไม่ ทั้งจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่หมดโอกาสในการที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายอีกด้วยผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันกับการขอเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทน: ไม่เกิดประโยชน์และเป็นผลร้ายต่อลูกหนี้
การที่จะอนุญาตให้เจ้าหนี้มีประกันผู้ร้อง ซึ่ง จ.พ.ท. มีคำสั่งอนุญาตให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนองในฐานะเจ้าหนี้มีประกันโดยเจ้าหนี้ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม ซึ่งไม่ยอมรับหน้าที่นั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าหนี้มีประกัน เพราะเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเฉพาะเหนือทรัพย์สินอันลูกหนี้ได้ให้ไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น หาอาจจะบังคับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ได้ไม่ ทั้งจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่หมดโอกาสในการที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิบังคับคดีทรัพย์สินหลักประกัน แม้มีการสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองของจำเลยได้ฟ้องบังคับจำนองและทำการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองเพื่อขายทอดตลาดแล้วศาลจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลย ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีโอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวมาไว้ในคดีล้มละลายไม่ได้ เพราะเป็นการกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำสิทธิในเงินฝากเป็นประกันหนี้และการหักกลบลบหนี้ของเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย
จำเลยทำสัญญากับธนาคารผู้คัดค้านไว้ว่า จำเลยยอมมอบเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยใบรับฝากไว้เป็นหลักประกันหนี้ของจำเลยต่อธนาคารถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ได้ทันที และตราบใดที่ธนาคารยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยจะไม่ถอนเงินฝาก และจะไม่กระทำการใดให้เป็นการเสื่อมสิทธิในหลักประกันหนังสือสัญญา ดังกล่าวเป็นการจำนำสิทธิตามตราสารใบรับฝากเงินประจำของจำเลย เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีต่อธนาคารผู้คัดค้านตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา747,750 ธนาคารผู้คัดค้าน เป็นผู้รับจำนำสิทธิตามตราสารนั้นจึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันซึ่ง มีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 มาตรา 95 และมาตรา 110 วรรคสาม
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิ หักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลยและ สิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิ ขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิ หักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลยและ สิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิ ขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำสิทธิในเงินฝากเพื่อประกันหนี้และการหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย
จำเลยทำสัญญากับธนาคารผู้คัดค้านไว้ว่า จำเลยยอมมอบเงินฝากประจำของจำเลยพร้อมด้วยใบรับฝากไว้เป็นหลักประกันหนี้ของจำเลยต่อธนาคาร ถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้ธนาคารผู้คัดค้านนำเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ได้ทันทีและตราบใดที่ธนาคารยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยจะไม่ถอนเงินฝากและจะไม่กระทำการใดให้เป็นการเสื่อมสิทธิในหลักประกัน หนังสือสัญญา ดังกล่าวเป็นการจำนำสิทธิตามตราสารใบรับฝากเงินประจำของจำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีต่อธนาคารผู้คัดค้านตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา747, 750 ธนาคารผู้คัดค้านเป็นผู้รับจำนำสิทธิตามตราสารนั้น จึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันซึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 95 และมาตรา 110 วรรคสาม
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิหักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์ มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลย และสิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)
สิทธิซึ่งจำนำตามตราสารใบรับฝากเงินเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 วรรคสอง จำเลยได้ตกลงกับธนาคารผู้คัดค้านให้หักเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องนำไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนำธนาคารผู้คัดค้านจึงมีสิทธิหักเงินฝากประจำของจำเลยซึ่งจำนำต่อธนาคารไว้นั้นเอาชำระหนี้ธนาคารได้ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน
ธนาคารผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ก่อนพิทักษ์ทรัพย์ มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 102 โดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของจำเลย และสิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรานี้ย่อมกระทำได้แม้จะเป็นเวลาหลังพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนการหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 115 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2453/2527 ประชุมใหญ่)