พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,624 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้เยาว์เกี่ยวข้อง โมฆะหากไม่มีอนุญาตศาล
สัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดกเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์เข้าทำสัญญาดังกล่าวเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ จำเลยปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนในอันที่จะคุ้มครองผู้เยาว์ แม้จะมิได้ว่ากล่าวกันมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ทั้งสามฟ้องเรียกมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นทายาทของผู้ตายด้วยการแบ่งทรัพย์มรดกต้องแบ่งกันตามส่วนที่แต่ละคน มีสิทธิได้รับ เมื่อปรากฏว่าทายาทผู้มีสิทธิได้รับที่ดินพิพาทตามพินัยกรรม มี 5 คนโจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพียงคนละ1ใน5 ส่วน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1602/2519)
โจทก์ทั้งสามฟ้องเรียกมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นทายาทของผู้ตายด้วยการแบ่งทรัพย์มรดกต้องแบ่งกันตามส่วนที่แต่ละคน มีสิทธิได้รับ เมื่อปรากฏว่าทายาทผู้มีสิทธิได้รับที่ดินพิพาทตามพินัยกรรม มี 5 คนโจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพียงคนละ1ใน5 ส่วน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1602/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4016-4020/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้โอนสิทธิและการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่รับรู้สิทธิเดิม
ธ.เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวซึ่งผู้ก่อสร้างตึกแถวดังกล่าวได้ยกกรรมสิทธิ์ให้แก่ ธ. โดยผู้ก่อสร้างตึกแถวมีสิทธิจัดหาคนเช่าและเรียกเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่าแต่ให้ผู้เช่าทำหนังสือสัญญาเช่ากับ ธ.และจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด15ปีต่อมาธ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ ล. และ ว.บุตรโจทก์หลังจากนั้นธ. ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากับจำเลยโดยจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และ ธ.ยังเก็บค่าเช่าต่อมาอีก 4 ปีเศษ ล. และ ว. จึงได้ฟ้องขับไล่จำเลยและถอนฟ้องแล้วโอนที่ดินให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ดังนี้แสดงว่า ล. และ ว. กับโจทก์ได้รับรู้ถึงสิทธิของผู้ก่อสร้างตึกแถวและสิทธิตามสัญญาเช่าของจำเลยตลอดมาเพิ่งจะมาเปลี่ยนใจหาทางบิดพลิ้วในภายหลังอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จะอ้างความไม่สุจริตมาฟ้องขับไล่จำเลยมิได้
ปัญหาเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ปัญหาเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4016-4020/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้รับโอนที่ดินที่มีผู้เช่าเดิม ผู้รับโอนรู้เห็นสิทธิผู้เช่าแต่เพิ่งมาฟ้องขับไล่
ธ.เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวซึ่งผู้ก่อสร้างตึกแถวดังกล่าวได้ยกกรรมสิทธิ์ให้แก่ ธ. โดยผู้ก่อสร้างตึกแถวมีสิทธิจัดหาคนเช่าและเรียกเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่า แต่ให้ผู้เช่าทำหนังสือสัญญาเช่ากับ ธ. และจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 15 ปี ต่อมา ธ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ ล. และ ว. บุตรโจทก์ หลังจากนั้นธ.ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากับจำเลยโดยจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และ ธ.ยังเก็บค่าเช่าต่อมาอีก 4 ปีเศษล. และ ว. จึงได้ฟ้องขับไล่จำเลยและถอนฟ้องแล้วโอนที่ดินให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ดังนี้แสดงว่า ล. และ ว. กับโจทก์ได้รับรู้ถึงสิทธิของผู้ก่อสร้างตึกแถวและสิทธิตามสัญญาเช่าของจำเลยตลอดมา เพิ่งจะมาเปลี่ยนใจหาทางบิดพลิ้วในภายหลัง อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จะอ้างความไม่สุจริตมาฟ้องขับไล่จำเลยมิได้
ปัญหาเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ปัญหาเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามแบบตามกฎหมายเป็นโมฆะ แม้มีการชำระเงินบางส่วน
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาทจำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามฟอร์มตามกฎหมาย ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาท จำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2977/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: คดีเดิมฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายแล้ว การฟ้องคดีใหม่เรียกค่าเสียหายซ้ำเป็นฟ้องซ้อน
เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523 อ้างว่า ป. ขายที่พิพาทให้แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการซื้อขาย ป.ถึงแก่ความตายเสียก่อน ขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองโอนที่พิพาทให้ โจทก์ทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า ป.ไม่เคยขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยบุกรุกเข้ามาและทำลายต้นไม้ในที่พิพาทเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสองได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อปรากฏว่าฟ้องแย้งของโจทก์ทั้งสองเป็นเรื่องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยตัดทำลายต้นไม้ในที่พิพาทโดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่พิพาทเพราะจำเลยบุกรุกเข้ามาก็ตาม แต่ก็ได้ความจากฟ้องแย้งว่า เมื่อจำเลยบุกรุกเข้ามาครอบครองที่พิพาทนั้นโจทก์ทั้งสองย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว ชอบที่โจทก์ทั้งสองจะได้เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทมาในฟ้องแย้งเสียพร้อมกันในครั้งนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทจากจำเลยในคดีนี้อีก จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2977/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีใหม่ที่มีประเด็นซ้ำกับฟ้องแย้งในคดีเดิม ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523 อ้างว่า ป.ขายที่พิพาทให้แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการซื้อขาย ป.ถึงแก่ความตายเสียก่อนขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองโอนที่พิพาทให้ โจทก์ทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่าป.ไม่เคยขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยบุกรุกเข้ามาและทำลายต้นไม้ในที่พิพาทเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสองได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อปรากฏว่าฟ้องแย้งของโจทก์ทั้งสองเป็นเรื่องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยตัดทำลายต้นไม้ในที่พิพาทโดยมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่พิพาทเพราะจำเลยบุกรุกเข้ามาก็ตาม แต่ก็ได้ความจากฟ้องแย้งว่า เมื่อจำเลยบุกรุกเข้ามาครอบครองที่พิพาทนั้นโจทก์ทั้งสองย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว ชอบที่โจทก์ทั้งสองจะได้เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทมาในฟ้องแย้งเสียพร้อมกันในครั้งนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่พิพาทจากจำเลยในคดีนี้อีก จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 93/2523
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นโดยตัวแทนตามสัญญา และสิทธิในการบังคับหลักประกันเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องถึงข้ออ้างที่ทำให้การที่จำเลยนำหุ้น ของโจทก์ออกขายเป็นการไม่ชอบไว้ 2 ประการคือจำเลยบังอาจขายหุ้นของโจทก์ให้แก่บริษัทในเครือของจำเลยไปโดยพลการ ไม่ได้รับความยินยอมและอนุญาตจากโจทก์ประการหนึ่ง และนำหุ้นของโจทก์ที่จำนำไว้แก่จำเลยออกขายโดยไม่แจ้งบังคับจำนำเป็นหนังสือให้โจทก์ทราบก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 764 การขายจึงเป็นโมฆะอีกประการหนึ่ง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มิได้จำนำหุ้นไว้แก่จำเลย การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้อธิบายให้กระจ่างเพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยนำหุ้นของโจทก์ไปจำนำไว้แก่จำเลยแล้ว จำเลยนำหุ้นของโจทก์ออกขายเป็นการไม่ชอบจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์จะยกขึ้นฎีกามิได้
คำขอเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เอกสารหมาย ล.1 ตอนต้นมีความว่าโจทก์ตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ เพื่อซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเพื่อจัดการขายหลักทรัพย์แทนโจทก์ในการทำการดังกล่าวนี้ให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ทางโทรศัพท์หรือทางหนังสือ ซึ่งจะแจ้งหรือส่งให้เป็นคราวๆ แต่ความในหน้า 2 วรรคสามตอนท้ายมีว่า '............... และในกรณีที่ข้าพเจ้า / เราไม่ชำระเงินให้ท่านภายในระยะเวลาที่ท่านกำหนดหรือข้าพเจ้า / เราไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้ครบถึงร้อยละ 30 ตามเงื่อนไขในวรรคก่อน ข้าพเจ้า /เรายินยอมให้ท่านปิดบัญชีได้ทันทีและยอมให้ท่านนำหลักทรัพย์ทั้งหลายของข้าพเจ้า / เราที่ท่านซื้อไว้แทนออกขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเอาเงินสุทธิที่ได้มาชำระหนี้ที่ค้างอยู่ ...........' ดังนี้ การขายหุ้นของโจทก์ตามข้อความในหน้า 2 วรรคสามตอนท้ายของเอกสารหมาย ล.1 เป็นกรณีที่จำเลยกระทำได้เองตามอำนาจในสัญญาหาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ดังกรณีในหน้า 1 ตอนต้นอันเป็นเรื่องกระทำแทนไม่
แม้เมื่อจำเลยขายหุ้นของโจทก์ไปแล้วได้แจ้งให้โจทก์ทราบเป็นหนังสือมีข้อความว่าถ้าหากจำเลยไม่ได้รับการคัดค้านจากโจทก์ภายใน 3 วัน จำเลยจะถือว่ารายการที่แจ้งไปยังโจทก์ถูกต้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่มิได้หมายความว่า หากโจทก์คัดค้านแล้วต้องถือว่ารายการที่แจ้งไปยังโจทก์ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ การที่โจทก์ได้แจ้งคัดค้านไปยังจำเลยภายในกำหนดว่าจำเลยไม่มีสิทธินำหุ้นของโจทก์ออกขายจึงหามีผลในการกระทำของจำเลยซึ่งชอบอยู่แล้วกลับกลายเป็นไม่ชอบไปไม่
คำขอเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เอกสารหมาย ล.1 ตอนต้นมีความว่าโจทก์ตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ เพื่อซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเพื่อจัดการขายหลักทรัพย์แทนโจทก์ในการทำการดังกล่าวนี้ให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ทางโทรศัพท์หรือทางหนังสือ ซึ่งจะแจ้งหรือส่งให้เป็นคราวๆ แต่ความในหน้า 2 วรรคสามตอนท้ายมีว่า '............... และในกรณีที่ข้าพเจ้า / เราไม่ชำระเงินให้ท่านภายในระยะเวลาที่ท่านกำหนดหรือข้าพเจ้า / เราไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้ครบถึงร้อยละ 30 ตามเงื่อนไขในวรรคก่อน ข้าพเจ้า /เรายินยอมให้ท่านปิดบัญชีได้ทันทีและยอมให้ท่านนำหลักทรัพย์ทั้งหลายของข้าพเจ้า / เราที่ท่านซื้อไว้แทนออกขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเอาเงินสุทธิที่ได้มาชำระหนี้ที่ค้างอยู่ ...........' ดังนี้ การขายหุ้นของโจทก์ตามข้อความในหน้า 2 วรรคสามตอนท้ายของเอกสารหมาย ล.1 เป็นกรณีที่จำเลยกระทำได้เองตามอำนาจในสัญญาหาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ดังกรณีในหน้า 1 ตอนต้นอันเป็นเรื่องกระทำแทนไม่
แม้เมื่อจำเลยขายหุ้นของโจทก์ไปแล้วได้แจ้งให้โจทก์ทราบเป็นหนังสือมีข้อความว่าถ้าหากจำเลยไม่ได้รับการคัดค้านจากโจทก์ภายใน 3 วัน จำเลยจะถือว่ารายการที่แจ้งไปยังโจทก์ถูกต้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่มิได้หมายความว่า หากโจทก์คัดค้านแล้วต้องถือว่ารายการที่แจ้งไปยังโจทก์ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ การที่โจทก์ได้แจ้งคัดค้านไปยังจำเลยภายในกำหนดว่าจำเลยไม่มีสิทธินำหุ้นของโจทก์ออกขายจึงหามีผลในการกระทำของจำเลยซึ่งชอบอยู่แล้วกลับกลายเป็นไม่ชอบไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึดเพื่อดำเนินคดีแทน เป็นนิติกรรมขัดขวางความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ผู้ร้องร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยที่ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียอยู่ในขณะที่มีการยึดทรัพย์ แต่เป็นผู้รับโอนสิทธิมาในระหว่างที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์รายพิพาทไว้แล้วโดยผู้ร้องเองก็ทราบดี เหตุที่มีการโอนก็เพราะผู้ซื้อทรัพย์รายพิพาทในระหว่างการยึดถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกไปสอบสวน เกรงจะมีข้อยุ่งยากจึงขอร้องให้ผู้ร้องซื้อทรัพย์รายพิพาทไว้ เห็นได้ว่าเป็นการโอนสิทธิในการดำเนินคดีให้ผู้ร้องเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียเพื่อดำเนินคดีแทนหรือซื้อขายความนั่นเอง จึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุที่ประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ และปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึดเพื่อดำเนินคดีแทน เป็นนิติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ผู้ร้องร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยที่ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียอยู่ในขณะที่มีการยึดทรัพย์ แต่เป็นผู้รับโอนสิทธิมาในระหว่างที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์รายพิพาทไว้แล้วโดยผู้ร้องเองก็ทราบดี เหตุที่มีการโอนก็เพราะผู้ซื้อทรัพย์รายพิพาทในระหว่างการยึดถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกไปสอบสวน เกรงจะมีข้อยุ่งยากจึงขอร้องให้ผู้ร้องซื้อทรัพย์รายพิพาทไว้ เห็นได้ว่าเป็นการโอนสิทธิในการดำเนินคดีให้ผู้ร้องเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียเพื่อดำเนินคดีแทนหรือซื้อขายความนั่นเอง จึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุที่ประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะและปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง