คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 289 (6)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน ศาลฎีกายืนความผิดฐานพยายามฆ่าและอนาจาร แม้การกระทำต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไปหลังจากนั้นจำเลยที่1ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงในพร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัวและขณะที่จำเลยที่1กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมาจำเลยที่1จึงหลบหนีไปดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้นส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าโจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้างมีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ2นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วด้านซ้ายยาวประมาณ1นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วเจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตกหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอจำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอนจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน, การกระทำผิดกรรมเดียว, การประเมินหลักฐานการกระทำชำเรา
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไป หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงใน พร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัว และขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมา จำเลยที่ 1 จึงหลบหนีไป ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้น ส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่า โจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้าง มีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว ด้านซ้ายยาวประมาณ 1 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว เจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่า ลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้ และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอ จำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าและลักทรัพย์: การกระทำกรรมเดียวเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน
จำเลยทั้งสองเข้าไปในตึกแถวของผู้เสียหาย ได้เข้าไปในห้องของ อ. บุตรผู้เสียหาย มัด อ. แล้วถามหาเซฟอันเป็นที่เก็บทรัพย์ ว่าที่ชั้นบนมีเซฟอยู่หรือเปล่า อยู่ตรงไหน แล้วจำเลยก็ออกจากห้องของ อ. ขึ้นไปบนชั้นที่ 2 พอพบผู้เสียหายก็ยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่มีสาเหตุที่จะมาทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน แล้วจำเลยก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นที่สาม แสดงว่าขึ้นไปเพื่อหาเซฟ การที่จำเลยมัด อ. อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย กับการที่จำเลยยิง พยายามฆ่าผู้เสียหายนี้ จำเลยกระทำไปเพื่อวัตถุประสงค์อันเดียวกัน คือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 80 บทหนึ่ง กับมาตรา 289(6), 80 อีกบทหนึ่ง หาใช่ความผิดสองกระทงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด
จำเลยสามคนสมคบกันมาปล้นทรัพย์ทุกคนมีอาวุธปืนติดตัวมาคนละกระบอก เมื่อขู่บังคับพวกเจ้าทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและเก็บทรัพย์ได้แล้ว พวกเจ้าทรัพย์ขัดขืนจึงเกิดต่อสู้กันกับพวกของจำเลย จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงพวกของเจ้าทรัพย์คนหนึ่งทางข้างหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อพวกของเจ้าทรัพย์เข้าต่อสู้กับพวกจำเลยจำเลยทั้งสามได้ใช้ปืนยิงแล้วทุกคน เป็นแต่กระสุนปืนของจำเลยคนอื่นไม่ถูกใคร คงมีแต่จำเลยที่ 2 ยิงถูกพวกเจ้าทรัพย์คนเดียวพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมานั้นประหัตประหารผู้ที่ต่อสู้ขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์หรือเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การปล้นทรัพย์ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา จำเลยทุกคนจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 วรรค 6 และ 7 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย
of 2